อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมเดินสายโรดโชว์ต่างชาติสร้างความมั่นใจนักลงทุน แจงปัจจุบันราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน ชี้ไตรมาส 4/56 มีกำไร หนุนทั้งปี 56 ผลิกกับมาเป็นกำไร จากปี5 5 ขาดทุน พร้อมเปิดแผน 3 ปีจากนี้จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ผู้บริหารแย้มกำลังเจรจาพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการใหญ่ คาดสรุปไตรมาส 1/56
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะมีการไปให้ข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้อยู่ระหว่างการโรดโชว์ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งไปกับทาง บล.ซีไอเอ็มบี และบริษัทมีแผนที่จะโรดโชว์กับทาง โบรกเกอร์ต่างชาติ คือ บาร์เคลย์ส ไปโรดโชว์ยุโรป อเมริกา และจะไปกับทาง ซีแอลเอสเอ เพื่อไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท และสร้างความมั่นใจในการลงทุน
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท ซึ่งหลังจากที่หุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้วนั้น ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง อาจทำให้นักลงทุนต่างประเทศอาจมีการขายหุ้นของบริษัทออกไปบ้าง โดยปัจจุบัน แม้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้มาอยู่ที่ระดับประมาณกว่า 4 บาท แต่ยังไม่เท่าราคาจองไอพีโอนั้น ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นของบริษัทนั้นควรที่จะสูงกว่าราคาจอง โดยจากนี้บริษัทจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ มากขึ้นเพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูล ซึ่งจากการทำประมาณการของนักวิเคราะห์ให้ราคาพื้นฐานของบริษัทที่ 5 บาท
“ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้วแต่ส่วนตัวมองว่ายังอยู่ระดับต่ำ ซึ่งผมมองว่าราคาหุ้อนันดานั้นควรที่จะสูงกว่าไอพีโอ โดยบริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าไปซื้อหุ้นคืน เพราะจะพยามบริหารงานให้บริษัทมีผลกำไรที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้า 3 ปี จะมีกำไรเติบโตเเฉลี่ยปีละ 25% แต่ส่วนตัวแล้วก็อาจจะเข้าไปลงทุนในหุ้น ANAN เพิ่มเติมหากมีจังหวะที่ดี” นายชานนท์กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากปี 2555 ที่มีผลขาดทุน เพราะ จากที่จะมีการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่เข้ามาในไตรมาส4/56 แต่ในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะมีผลขาดทุนอยู่ สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 100% หรืออยูที่ 12,000 ล้านบาท จากปี 2555 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท เพราะมีโครงการคอนโดฯ และบ้านเดี่ยวที่จะมีการโอน
นายชานนท์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนการลงทุนในปี 56 ประมาณ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดิน 5,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างสำหรับโครงการเดิม และโครงการใหม่โดยยังคงมุ่งเน้นในทำเลใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก และยังมองหาโอกาสซื้อที่ดินในทำเลเหมาะสมที่จะเปิดโครงการใหม่คือ ELIO เพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในการเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 1/56 ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ปีนี้ บริษัทจะพัฒนาโครงการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท