xs
xsm
sm
md
lg

อีสต์โคสต์ฯ โรดโชว์ คาดเทรด Q1 นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อีสต์โคสต์เฟอร์นิเทคลุ้น 19 ก.พ. บอร์ดพิจารณาจ่ายปันผลงวดปี55 แจงหากอนุมัติเชื่อเพิ่มความน่าสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัท 4 ก.พ.นี้เริ่มเดินสายโรดโชว์ต่างจังหวัด คาดเข้าเทรดภายในไตรมาส1/56 ผู้บริหารยันค่าบาทแข็งไม่ส่งผลกระทบจากทำประกันความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว คาดอาจส่งผลผู้ประกอบการรายเล็กปิดตัว

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสต์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น โดยเริ่มเดินสายต่างจังหวัดวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เป้าหมาย 9 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง ราชบุรี พิษณุโลก หาดใหญ่ นครราชสีมา เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพฯ โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ได้ภายในไตรมาส1/56 ซึ่งในวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการเข้าไปเยี่ยมชมบริษัทแล้ว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/55 นั้นถือว่าเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดของปีนี้ ทำให้มั่นใจว่ากำไรปีนี้จะดีกว่าปี 54 เพราะช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 29.01 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 26.11 ล้านบาท โดยการที่บริษัทมีผลประกอบการที่ดีนั้นบริษัทมีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่บริษัทมีการจ่าย โดยนโยบายของบริษัทอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ทั้งนี้ ปกติบริษัทก็จะประชุมคณะกรรมการพิจารณาในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งวันที่ 19 กุมภาพันธ์บอร์ดก็จะประชุมกรณีการจ่ายเงินปันผลนั้นขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมการ ซึ่งหากมีการจ่ายเงินปันผลก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัทให้แก่นักลงทุน

นายอารักษ์กล่าวว่า จากการที่บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ซึ่งปีนี้มีสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้รวมนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะบริษัทได้ประกันความเสี่ยงค่าเงินบาทไว้แล้วที่อัตรา 28 บาท โดยส่วนตัวเชื่อว่าค่าเงินบาทจะไม่แข็งไปถึงระดับดังกล่าว และปีนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดในประเทศมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีการขายเพียงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น ดังนั้นมีแผนจะขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะเจรจาเพื่อนำสินค้าไปขายในร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ในต่างจังหวัด

สำหรับตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทจะมีการบุกเพิ่ม เช่น ตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในแถบอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ พม่า และมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นลักษณะการเจรจากับร้านค้าในประเทศต่างๆ เพื่อนำสินค้าของบริษัทไปจำหน่าย โดยปัจจุบันลูกค้าหลักของบริษัทอยู่ที่ญี่ปุ่น รองลงมาคืออเมริกา และตะวันออกกลาง

“จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และค่าแรงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจะมีผลทำให้บริษัทเอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีการปิดตัวลงในปีนี้ แต่จากปัจจัยดังกล่าวนั้นไม่ค่อยมีผลกระทบต่อบริษัทเพราะได้มีการทำประกันความเสี่ยงค่าบาทแล้ว และเรื่องค่าแรงนั้นบริษัทจะมีการปรับในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ก็จะนำมาซื้อเครื่องจักร และบริษัทจะมีการรับพนักงานที่มีทักษะฝีมือมากขึ้น และปลดคนที่ไม่มีฝีมือออก” นายอารักษ์กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น