อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค คาดเข้าเทรด ก.พ.55 เตรียมเดินสายโรดโชว์กลางเดือน ม.ค. กระจาย 120 ล้านหุ้น พร้อมตั้งเป้าปีหน้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 1.3 พันล้านบาท เผยขณะนี้มีออเดอร์แล้ว 500 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน)หรือ ECF เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 ซึ่งประมาณวันที่ 16 มกราคมนั้น บริษัทจะเริ่มเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนใน 7 จังหวัด ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะในวงการเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับ และมียอดขายสูงสุดติด 1 ใน 5 ของประเทศไทย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จากการเสนอขายหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น บริษัทจะนำไปซื้อเครื่องจักรเฟสแรก จำนวน 50-60 ล้านบาท จากแผนใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงงานเพื่อรองรับเครื่องจักรใหม่ ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปี 2556 จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท จากนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าเต็มไปถึงเดือนมีนาคมปีหน้าแล้ว ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และจากการที่บริษัทมีการซื้อเครื่องจักรใหม่ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตมากขึ้น จากปัจจุบันที่ใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% แล้ว
สำหรับรายได้รวมปีนี้ที่ 1,100 ล้านบาทนั้น ต่ำกว่าประมาณการของบริษัทก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทผลิตสินค้าไม่ทัน จากที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาจำนวนมาก โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% โดยประเทศที่บริษัทมีการส่งออกคือ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง อินเดีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งอนาคตหวังว่าจะมีสัดส่วนรายได้ขายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50%
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน)หรือ ECF เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 ซึ่งประมาณวันที่ 16 มกราคมนั้น บริษัทจะเริ่มเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนใน 7 จังหวัด ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะในวงการเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับ และมียอดขายสูงสุดติด 1 ใน 5 ของประเทศไทย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จากการเสนอขายหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น บริษัทจะนำไปซื้อเครื่องจักรเฟสแรก จำนวน 50-60 ล้านบาท จากแผนใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงงานเพื่อรองรับเครื่องจักรใหม่ ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปี 2556 จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท จากนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าเต็มไปถึงเดือนมีนาคมปีหน้าแล้ว ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และจากการที่บริษัทมีการซื้อเครื่องจักรใหม่ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตมากขึ้น จากปัจจุบันที่ใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% แล้ว
สำหรับรายได้รวมปีนี้ที่ 1,100 ล้านบาทนั้น ต่ำกว่าประมาณการของบริษัทก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทผลิตสินค้าไม่ทัน จากที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาจำนวนมาก โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% โดยประเทศที่บริษัทมีการส่งออกคือ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง อินเดีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งอนาคตหวังว่าจะมีสัดส่วนรายได้ขายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50%