xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยปั้น” ยันเป้าสินเชื่อโต 9-11% เร่งยกระดับธุรกิจ ตปท.-จี้หาจุดสมดุลบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บิ๊กกสิกรฯ ยันตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 9-11% สอดคล้องกับเงินทุน และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง ส่วนผลกระทบบาทแข็ง จี้ ธปท.-รัฐบาล หาจุดสมดุลลดผลกระทบทั้ง 2 ฝ่าย ล่าสุด จับมือยูเนี่ยนเพย์ บริการชำระเงินออนไลน์ ช่วยกระตุ้นยอดชำระเงินผ่านบัตร

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ระดับ 9-11% ในสมมติฐานว่า เศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 5% ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องเงินทุน และความสามารถของธนาคารในการควบคุมความเสี่ยง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากขยายธุรกิจเกินตัวก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้

“เรื่องของสินเชื่อก็ขึ้นอยู่กับว่าใครอยากโตเท่าไหร่ ระดับความเสี่ยงที่รับได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับความพอดีของแต่ละแห่ง ซึ่งกสิกรไทยพิจารณาแล้วว่า 9-11% เป็นระดับที่เหมาะสม ส่วนการสรรหาตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ว่างอยู่นั้น สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะประกาศชื่อให้ทราบ”

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็ส่งผลกระทบในทั้ง 2 ด้าน ในส่วนของผู้ส่งออกก็คงเป็นผลกระทบในด้านลบ ในทางตรงกันข้าม ก็เป็นผลดีต่อผู้ที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของผู้ที่ดูแลในการบริหารจัดการ

“ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ง่ายนักสำหรับผู้ควบคุมดูแลทั้งในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรัฐบาล ที่จะหาจุดสมดุลว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เป็นภาระกับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่เท่าที่ดูผลต่อผู้ส่งออกขณะนี้ก็ยังไม่ชัดถึงขนาดที่ทำให้ศักยภาพการแข่งขัน”

จับมือยูเนี่ยนเพย์ชำระเงินออนไลน์

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย และยูเนี่ยน เพย์ อินเตอร์เนชั่่นแนล ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและบัตรเดบิตยูเนี่ยนเพย์ ที่มียอดผู้ถือมากที่สุดในโลกจากประเทศจีน ได้ลงนามความร่วมมือในการเชื่อมระบบการชำระเงินระหวางกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและคนจีนที่อยู่ในประเทศไทยในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ โดยจะเริ่มจากบริการรับชำระสินค้า และบริการทางอินเทอร์เน็ตได้เป็นธนาคารแรกในประเทศไทย

ปัจจุบัน ยูเนี่ยน เพย์ มีจำนวนผู้ถือบัตรมากที่สุดในโลกประมาณ 3,230 ล้านใบ ในประเทศไทยมีการใช้บัตรยูเนี่ยนเพย์ในการชำระสินค้า และบริการในปี 2555 ประมาณ 34,500 ล้านบาท โดยผ่านเครื่องอีดีซีของธนาคารกสิกรไทย ประมาณ 7,700 ล้านบาท เติบโต 80% และเป็นการถอนเงินสดจากเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยประมาณ 1,560 ล้านบาท เติบโต 38%

“การร่วมมือกับยูเนี่ยน เพย์ ครั้งนี้ จะทำให้วอลุ่มธุรกรรมการชำรเงินทางอินเทอร์เน็ตของเรามากขึ้น และถือเป็นการยกระดับการบริการไปทั่วโลก ทำให้เกิดความสะดวกแก่ลูกค้ามาขึ้นด้วย ซึ่งการให้บริการดังกล่าว ธนาคารก็โฟกัสทั้งในส่วนของผู้ทำธุรกิจ และผู้บริโภค”

ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยคาดว่าความร่วมมือ และพัฒนาระบบในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มยอดการรับบัตรผ่านระบบชำระเงินในปีนี้ให้โตได้ไม่น้อยกว่า 30% หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60,000 ล้านบาท

“โลกในอนาคตเป็นโลกของของไซเบอร์ ทำให้เส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์จะจางลง เราจำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง และธนาคารเองก็พัฒนา และผลักดันเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว และจะยังต้องทำอย่างต่อเนื่องต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น