“ซังโกะ ไดคาซติ้ง” ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะลูมิเนียม และสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ฉีดหล่อความดันสูง สบช่องอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตอย่างก้าวกระโดด ยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายมาซามิ คัตซูโมโต ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะลูมิเนียม และสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ฉีดหล่อความดันสูง (High-Pressure Diecasting หรือ HPDC) ให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเกษตร และอื่นๆ เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา ธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี โดยปัจจัยสนับสนุนส่วนหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จนส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปี 2556 แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศไทยที่ยังคงเติบโตได้ดี ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ว่า ภายในปี 2560 จะมีการผลิตรถยนต์เกิน 3 ล้านคัน
“ปี 2555 อุตสาหกรรมยานยนต์มีการเติบโตอย่างมาก เพราะสามารถผลิตรถได้มากกว่า 2 ล้านคัน โดยมียอดการส่งออกยานยนต์ทั้งระบบรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากการสนับสนุนของภาครัฐ และความร่วมมือที่ดีของภาคเอกชน โดยเชื่อว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2556 ยังเติบโตได้ดี และมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าการผลิตมากกว่า 3 ล้านคันในปี 2560 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ ได้รับผลดี และเติบโตไปตามอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน” นายมาซามิกล่าว
จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี และเหมาะสมในการเตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 113 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 88 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 176 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จำนวน 110 ล้านบาท
สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมในการขยายพื้นที่ และกำลังการผลิตของบริษัทฯ เนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2555 บริษัทฯ ได้ทำการซื้อที่ดินพร้อมอาคารโรงงาน ขนาดพื้นที่ 3 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่ติดกับโรงงานของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนเงินที่เหลือจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
ในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ นั้น ในปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้รวม 191.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.74 ล้านบาท ปี 2553 มีรายได้รวม 299.84 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12.34 ล้านบาท ปี 2554 มีรายได้รวม 364.65 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.19 ล้านบาท และงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวม 364.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.68 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้หลักจากการจำหน่ายชิ้นส่วน และแม่พิมพ์แก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ รองลงมา เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเกษตร และอื่นๆ ตามลำดับ