ส.นักวิเคราะห์ ชี้หุ้นไทยปีมะเส็งสดใส คาดดัชนี SET มีโอกาสจะขึ้นไปสูงสุดที่ 1,537 จุด พร้อมแนะแบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็นหลายส่วน ร้อยละ 45 ลงทุนในหุ้น ร้อยละ 17 ซื้อตราสารหนี้ ร้อยละ 13 เงินฝาก ร้อยละ 11 ซื้อทองคำ ร้อยละ 11 ลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ ร้อยละ 3 ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ กบข. เปิดแผนลงทุน เน้นกลยุทธ์เชิงรุก เพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม กระจายตราสารหนี้สู่ภูมิภาคเอเชีย พร้อมเพิ่มทางเลือกลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาเพิ่มขึ้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ทิศทางของดัชนีหุ้นไทยในปี 2556 ยังสดใสต่อ เนื่องจากปลายปี 2555 โดยคาดว่าดัชนีมีโอกาสจะขึ้นไปสูงสุดที่ 1,537 จุด และปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,471 จุด โดยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีมีโอกาสที่จะลงมาต่ำกว่าระดับ 1,300 จุดได้ หากปัจจัยลบ 3 เรื่องมีความรุนแรง
โดยปัจจัยแรก คือ การเมืองในประเทศ เพราะหากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญกดดันทำให้การเมืองมีความวุ่นวาย ดัชนีราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง เหตุนักลงทุนมีความวิตกกังวลมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เรื่องการเมืองมีผลทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาร้อยละ 3-7
ส่วนปัจจัยที่สอง คือ ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ในกรณีที่เศรษฐกิจถดถอยหนัก หรือปัญหาการเงินยุโรปลุกลามขยายวงกว้างไปยังประเทศอิตาลี สเปน จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกอีก แต่เชื่อว่า ยุโรปคงจะประคอง และค่อยๆ แก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องใช้เวลานาน
ปัจจัยที่สาม คือ ปัญหาหน้าการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะทำให้สหรัฐฯ ต้องออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีก หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดปัญหาฟองสบู่แตก
อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวลดลง นักลงทุนสามารถทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเน้นธุรกิจที่อิงตลาดในประเทศ เช่น สื่อสาร ธนาคาร โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็นหลายส่วน ร้อยละ 45 ลงทุนในหุ้น ร้อยละ 17 ซื้อตราสารหนี้ ร้อยละ 13 เงินฝาก ร้อยละ 11 ซื้อทองคำ ร้อยละ 11 ลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ ร้อยละ 3 ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์
ด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กลยุทธ์ในการลงทุนของ กบข. ในปี 2556 นั้น จะเน้นการบริหารเงินลงทุนเชิงรุก ให้ทันกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และตลาดเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีพื้นฐานการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้นั้น กบข. จะมีการกระจายไปในภูมิภาคเอเชียให้มากขึ้น ซึ่งให้ผลอัตราตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงด้านภาระหนี้ภาครัฐที่ต่ำ นอกจากนี้ ทาง กบข. จะขยายการลงทุนทางเลือก อาทิ โครงสร้างพื้นฐานอสังหาริมทรัพย์ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว ให้กับสมาชิก
พร้อมกันนี้ ยังมองว่าในปี 2556 เงินทุนจะไหลเข้าภูมิภาคเอเชียและตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ยังอยู่ในระดับต่ำ และการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ของธนาคารกลางหลายแห่ง ทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป และ ญี่ปุ่น จะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องล้นระบบ และมีการเคลื่อนย้ายเงินทุน ซึ่งจะส่งให้ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องจากปี 2555 ส่วนการลงทุนในทองคำนั้น น่าจะได้รับผลตอบแทนดีเช่นกัน โดยจัดเป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับนักลงทุน ที่จะถือครองแทนเงินสกุล ดอลลาร์ ยูโร และ เยน ที่เสื่อมค่าลงในช่วงนี้