xs
xsm
sm
md
lg

“ไทยสมุทรฯ” งัดแลนด์แบงก์ ผุดคอนโดฯ-คอมเมอร์เชียลใน จ.ขอนแก่น มูลค่า 5 พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีรวัฒน์ พิพัฒน์ดิฐกุล
โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ในเครือไทยสมุทร เดินเกมรุกตลาดอสังหาฯ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการขาย 50% ในปี 57 หวังดันรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท/ปี เตรียมงัดแลนด์แบงก์ทั่วประเทศทยอยพัฒนา ประเดิมที่ขอนแก่น ผุดคอนโดฯ-คอมเมอร์เชียล มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท

นายธีรวัฒน์ พิพัฒน์ดิฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ว่า นโยบายด้านการลงทุนของบริษัทหลังจากนี้จะเน้นการพัฒนาทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และให้เช่า โดยจะเน้นการนำที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ของกลุ่มไทยสมุทรประกันชีวิต ที่มีที่ดินแลนด์แบงก์จำนวนมากทั่วประเทศ เช่น ที่ดินขนาด 39 ไร่ และ 20-30 ไร่ บนถนนมิตรภาพตัวเมืองขอนแก่น ที่ดินขนาด 205 ไร่ ติดจวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ดินขนาด 19 ไร่ ติดสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ที่ดินขนาด 400 ไร่ ถนนธนะรัชต์ กม.5 เขาใหญ่ และที่ดินอีกหลายพันไร่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น โดยจะคัดเลือกแปลงขึ้นมาทยอยพัฒนาตามศักยภาพของที่ดินและความเหมาะสม ซึ่งในระยะสั้น จะยังไม่พัฒนาอาคารสำนักงาน แต่จะเน้นการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย โรงแรม และคอมเมอร์เชียล

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มโครงสร้างรายได้ (พอร์ต) จากการขาย และค่าเช่าให้อยู่ในระดับ 50:50 จากที่ปัจจุบัน มีพอร์ตรายได้จากการเช่ามากถึง 70% ในขณะที่รายได้จากการขายมีเพียง 30% จากรายได้รวม 400 ล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้จากการขายให้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 56 และ 50% ในปี 57 นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า นับจากปี 56 เป็นต้นไป จากที่ 3 ปีที่ผ่านมามีรายได้ปีละประมาณ 400 ล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2556 เตรียมพัฒนาโครงการรูปแบบผสมผสานขนาดใหญ่ (มิกซ์ยูส) บนเนื้อที่ 31 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยจะแบ่งที่ดินขนาด 30 ไร่ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 8 ชั้น จำนวน 4-5 เฟส เฟสละ 3-4 อาคาร ราคาขายตั้งแต่ 9 แสนบาท/ยูนิต ถึง 2.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 3 ปี 56 ส่วนที่ดินที่เหลืออีกกว่า 10 ไร่ อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็น 2 แนวทาง คือ คอมเมอร์เชียล และโรงแรมราคาประหยัด ทั้งโครงการมีระยะเวลาในการพัฒนา 6 ปี

นายธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้จากค่าเช่าในปัจจุบันมาจาก อาคารสำนักงานโอเชี่ยนทาวน์เวอร์ 1, 2 ปัจจุบัน มีอัตราการเช่า 96% นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมอัสสรา วิลล่า แอนด์ สวีท หัวหิน ขนาด 96 ยูนิต และโรงแรม โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ทคลับ พัทยา จำนวน 51 ห้อง ปีนี้มีอัตราการพักเพียง 35%

ทั้งนี้ บริษัทแผนที่จะปรับปรุงโรงแรม โดยในส่วนของโรงแรมอัสสราใหม่เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพัก ส่วนโรงแรมโอเชี่ยน มารีน่าฯ นั้น บริษัทได้นำพื้นที่บริเวณ Wave Breaker ส่วนที่จอดเรือยอชต์ พัฒนาเป็นเมืองค้าขายริมทะเล เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยจะพัฒนารูปแบบฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Macau Fisherman's Wharf) ที่ซานฟรานซิโก สหรัฐอเมริกา ขนาด 4,000 ตร.ม. โดยแบ่งพื้นที่ขนาด 1,000 ตร.ม.เป็นร้านค้า และอีก 3,000 ตร.ม.เป็นร้านอาหารชั้นนำ ใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท โดยจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 56

“ปัจจุบัน เราได้พัฒนาพื้นที่ในโครงการโอเชี่ยน มารีน่าฯ ไปประมาณ 20 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 110 ไร่ ซึ่งในอนาคตมีแผนจะนำที่ดินอีกประมาณ 20-30 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบโรงแรม ระดับ 4-5 ดาว ขนาด 200 ห้อง ซึ่งที่ผ่านมา เราจะบริหารงานโรงแรมเอง แต่ถ้ามีจำนวนห้องที่เพิ่มมากขึ้นก็อาจจะจ้างเชนระดับมืออาชีพเข้ามาบริหารงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา”

โดยบริษัทมีคอนโดมิเนียมรอขาย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพอร์โตฟิโน่ คอนโดมิเนียม พัทยา จำนวน 100 ยูนิต มูลค่า 1,600 ล้านบาท จากทั้งหมด 268 ยูนิต และโอทูฮิบ ซ.นายเลิศ จำนวน 29 ยูนิต มูลค่า 200 ล้านบาท จากทั้งหมด 48 ยูนิต ซึ่งบริษัทได้จัดแคมเปญตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบชุดพร้อมเข้าอยู่ รวมถึงการันตีผลตอบแทน 6% ต่อปี นาน 1 ปี สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อลงทุนปล่อยเช่า รวมถึงบริการบริหารการเช่าให้อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น