ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตัดหุ้นที่ซื้อคืนพร้อมลดทุน หลังบริษัทซื้อหุ้นคืนแล้วเสร็จ และยังไม่จำหน่ายหุ้นจำนวนดังกล่าวในกรอบเวลาที่กำหนด เหตุราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา ส่งผลให้ต้องดำเนินการตัดหุ้น และลดทุน ทำให้เหลือทุนจดทะเบียน 929,070,000 หุ้น และทุนชำระแล้ว 687,550,540 หุ้น
นายนิพนธ์ ลีละศิธร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEE ได้ซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 และต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวในช่วงระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 (ภายหลัง 6 เดือน นับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จแต่ต้องไม่เกิน 3 ปี) เนื่องจากบริษัทมิได้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวทั้งหมด ภายในระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่ำกว่าราคาที่บริษัทได้ซื้อมา ซึ่งทำให้บริษัทมีหุ้นที่ซื้อคืนที่มิได้จำหน่ายเป็นจำนวน 100 ล้านหุ้น ตามกฎกระทรวงที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยเรื่อง
“กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ.2544” ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดว่า หากบริษัทจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนไม่หมด หรือยังมิได้จำหน่ายบริษัทจะต้องดำเนินการลดทุนที่ชำระแล้ว โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืน และยังมิได้จำหน่าย”
ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทดำเนินการลดทุนจดทะเบียน และทุนที่ชำระแล้ว โดยการตัดหุ้นที่ซื้อคืน และจำหน่ายไม่ได้เป็นจำนวน 100 ล้านหุ้น
โดยจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่จะนำมาตัดลดทุนชำระแล้วของบริษัทคือ 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 12.70% ของทุนชำระแล้วก่อนลดทุน ส่งผลให้จากทุนจดทะเบียนเดิม 787,550,540 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท มูลค่ารวม 787,550,540 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 687,550,540 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มูลค่ารวม 687,550,540 บาท
ทั้งนี้ ภายหลังจากการลดทุนบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนจำนวน 929,070,000 หุ้น และทุนชำระแล้วจำนวน 687,550,540 หุ้น
/////////////////
นายนิพนธ์ ลีละศิธร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEE ได้ซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 และต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวในช่วงระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 (ภายหลัง 6 เดือน นับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จแต่ต้องไม่เกิน 3 ปี) เนื่องจากบริษัทมิได้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวทั้งหมด ภายในระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่ำกว่าราคาที่บริษัทได้ซื้อมา ซึ่งทำให้บริษัทมีหุ้นที่ซื้อคืนที่มิได้จำหน่ายเป็นจำนวน 100 ล้านหุ้น ตามกฎกระทรวงที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยเรื่อง
“กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ.2544” ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดว่า หากบริษัทจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนไม่หมด หรือยังมิได้จำหน่ายบริษัทจะต้องดำเนินการลดทุนที่ชำระแล้ว โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืน และยังมิได้จำหน่าย”
ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทดำเนินการลดทุนจดทะเบียน และทุนที่ชำระแล้ว โดยการตัดหุ้นที่ซื้อคืน และจำหน่ายไม่ได้เป็นจำนวน 100 ล้านหุ้น
โดยจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่จะนำมาตัดลดทุนชำระแล้วของบริษัทคือ 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 12.70% ของทุนชำระแล้วก่อนลดทุน ส่งผลให้จากทุนจดทะเบียนเดิม 787,550,540 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท มูลค่ารวม 787,550,540 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 687,550,540 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มูลค่ารวม 687,550,540 บาท
ทั้งนี้ ภายหลังจากการลดทุนบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนจำนวน 929,070,000 หุ้น และทุนชำระแล้วจำนวน 687,550,540 หุ้น
/////////////////