ได้เห็นภาพพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสิงหาบัญชร ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม และเสด็จพระราชดำเนินไปยังสวนสมเด็จย่า ตอลดจนเสร็จพระราชดำเนินในร.พ.ศิริราช เห็นพระพักต์พระองค์ท่านแจ่มใส พระวรกายแข็งแรง ก็รู้สึกดีใจและสุขใจเป็นอย่างยิ่ง ขอจงทรงพระเจริญ
7วันที่ผ่านมา 4 - 11 ธ.ค. ราคาทองคำวิ่งอยู่ในกรอบทรงตัวปรับตัวขึ้นลงไม่มากเท่าใดนัก ต่ำสุดที่ 24,500 /24,600 บาท เมื่อวันที่ 6ธ.ค. และสูงสุด 24,800/24,900 บาท เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ...โดยรวมแม้ราคาทองคำจะลดลงมาอยู่ในระดับ 24,0000 บาท ก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการซื้อทองคำแท่งและรูปพรรณเพิ่มขึ้นเหมือนแต่ก่อน แม้เดือนนี้จะเป็นเดือนที่มีผู้นิยมแต่งงานมากที่สุด
ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงหาได้เกิดขึ้นจากการแต่งตัวเลขเพื่อเอาคะแนนนิยมอย่างที่รัฐบาลเอ่อยอ้างไว้..ในช่วงไตรมาสสุดท้ายแม้ราคาทองคำจะเคยลดต่ำลงมาแตะ 1,685 เหรียญ/ออนซ์ จากเทขายทำกำไรระยะสั้นของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แต่ทุกอย่างกลับไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเหมือนแต่ก่อน
ตอนนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐฯที่ยังตกลงไม่ได้ อีกทั้งภาระหนี้หนี้สินในยูดรโซนที่ยังไม่ยอมลดลง ตลอดจนเงินที่จะเข้ามาช่วยเหลือจากธนาคารกลางยุโรป IMF ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของหลายประเทศ จึงทำให้มีการถือทองคำน้อยลง และหันมาถือเงินสดกันเพิ่มขึ้น แม้แต่ประเทศจีนที่มีการบริโภคทองคำต่อปีมากที่สุด แต่ในปีนี้ก็ยังมีปริมาณความต้องการทองคำน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ภาพรวมราคาทองคำในเมืองไทย เชื่อว่าคงไม่ได้เห็นราคาทองคำที่ 26,000 บาทในสิ้นปีนี้แน่และ แต่เชื่อว่าจะลงไปไม่หลุด 24,000 บาท ...ตอนนี้มีการคาดการณ์ของนักลงทุนในต่างประเทศ ว่าในปี 2556 จะเป็นปีที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าอาจจะถึงจุดพักที่สุดของราคาทองคำ หลังจากช่วงที่ผ่านมา 9 ปี ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและรุนแรง โดยในปี 2555 ที่ราคาทองแสดงการปรับตัวลดลงนั้นก็มาจากการคาดการณ์กันว่าปีนี้ จะเป็นปีที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯขยายตัวขึ้นได้นั่นเอง
ทำให้ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับการลงทุนในทองคำ...สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเก็บและไม่รีบร้อนใช้เงินในอนาคตอันใกล้ ก็น่าเข้าลงทุนในทองคำสะสมไว้ ในช่วงราคา 24,000 - 24,500 บาท เพื่อรอทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวขึ้น...อย่าไปฟังหรือเล่นตามคำแนะนำของกองทุน หรือพวกนแนำการลงทุนมากนัก เพราะมีแต่ให้ตัวเลขเป้าหมายสูงๆ เหตุการณ์เมื่อปลายปี 2554 กับคำผลักดันว่าราคาทองคำจะขึ้น 30,000 บาท น่าจะเป็นอุธาหรณ์ได้ดี
ต่อกันที่อินเดีย ที่หลายคนเคยคาดว่าจะเป็นเสือตัวใหม่ เหมือนจีน รัสเซีย บราซิล แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากับประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยสูง ค่าเงินรูปีอ่อนค้าลงอย่างมาก ทำให้คุณภาพสินทรัพย์ถดถอยลง และในอีกไม่กี่สัปดาห์ธนาคารกลางแดนภารตะจะมีการอัดฉีดเงินลงภาคธนาคารอีก 150,000 ล้านรูปี ทำให้มูดี้ส์มองว่าจะเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือเชิงลบในช่วง 12-18 เดือนจากนี้
ฟากยุโรป โดยรวมโดยเฉพาะยูโรโซนยังมีความย่ำแย่...แต่ธนาคารกลางยุโรปยังเชื่อว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาในช่วงปลายปี 2556 โดยได้ปรับลดคาดการการถดถอยของเศรษฐกิจในปีนี้เหลือ 0.3% จากเดิม0.5% และเชื่อว่าปี 2557 ยูโรโซนจะเติบโต 0.2-2.2%
ฟากสหรัฐฯปัญหาหน้าผาการคลัง ที่ยังล่าช้าโดยเฉพาะการเจรจาของรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ยิ่งทำให้หลายคนกังวลแต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะผ่านไปได้ มิเช่นนี้หากไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องตัดลดค่าใช้จ่ายลงไปจำนวนมาก แม้ตัวเลขการจ้างงานรอบล่าสุดจะดูต่ำลงไป แต่หลายคนเชื่อว่านั่นคือตัวเลขตกแต่ง เพราะส่วนมากเกิดจากการจ้างานในภาคเกษตร ที่ส่วนใหญ่ว่าภัยพิบัติของพายุเฮอริเคนแซนดี้ ที่ทำให้หลายธุรกิจต้องจ้างงานเพื่อฟื้นฟูกิจการ มากกว่าการจ้างงานที่แท้จริง
พิชญา พิสุทธิกุล
