xs
xsm
sm
md
lg

แขวน “SP” หุ้น PRO หลังผู้สอบบัญชีไม่เห็นต่องบฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังแขวนป้าย SP หลักทรัพย์ “โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ฯ” หลังแจ้งงบการ
เงินงวดสิ้นปี 54 ขาาดทุน 282.16 ล้านบาท ขณะผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบ เนื่องจากถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทฯ ที่มีนัยสำคัญอยู่ในระดับสูง ทั้งกรณีคดีความฟ้องร้องเกี่ยวกับการให้บริการในธุรกิจหลักหลุมฝังกลบขยะ และการถูกระงับใช้วงเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร และการผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารพาณิชย์

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังแขวนเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ PRO หรือ บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) แม้บริษัทได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2554 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัททำให้ตัวเลขผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ต่อมา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2555 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับที่ถูกต้อง หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว

โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ PRO แก้ไขงบการเงินประจำปี 2554 และกำหนดให้นำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขภายในวันที่ 23 เมษายน 2555 ซึ่ง PRO ได้ขอขยายระยะเวลาการนำส่ง และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ขยายระยะเวลาให้ PRO นำส่งงบการเงินดังกล่าวออกไปเป็นภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 อย่างไรก็ตาม PRO ไม่สามารถนำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าวได้ภายในระยะเวลากำหนด และเพิ่งจะส่งงบและแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว

เนื่องจาก PRO เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน กรณีไม่นำส่งงบการเงินประจำปี 2554 ฉบับแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด และปัจจุบัน PRO ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555, ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 และไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ดี วานนี้ PRO แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 54 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 282.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 280.71 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปิดให้บริการชั่วคราวในธุรกิจหลัก  ทำให้ปี 2553 บริษัทฯ ขาดทุนจากการด้อยค่าในส่วนของที่ดิน และส่วนปรับปรุงที่ดินที่เป็นส่วนของหลุมฝังกลบมีพิษ

และขาดทุนจากการด้อยค่าในโครงการที่ชะลอการลงทุน แต่ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปี 2554 เป็นผลจากการขาดทุนจากการด้อยค่าในทรัพย์สินจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินในธุรกิจหลัก ที่มีการหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นระยะเวลานาน

ขณะที่บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวมสำหรับปี 54 คือ 164.73 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 303.05 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีปัญหาในการให้บริการในธุรกิจหลัก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 ทำให้ปี 2554 มีรายได้จากการดำเนินงานจากบริษัทย่อยเท่านั้น และปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้จากการลดหนี้จากเงินค่าสิทธิการใช้ความชำนาญทางเทคนิคค้างจ่าย และดอกเบี้ยหุ้นกู้แปลงสภาพค้างจ่าย รวม 28.90 ล้านบาท

อนึ่ง งบการเงินที่ส่งงวดล่าสุดที่โดยผู้สอบบัญชีมิได้แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทฯโดยมาจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทฯ ที่มีนัยสำคัญอยู่ในระดับสูง โดยระบุข้อความไว้ในหน้ารายงานซึ่งมีประเด็นสำคัญดังนี้

กรณีแรก คดีความฟ้องร้องเกี่ยวกับการให้บริการในธุรกิจหลักหลุมฝังกลบขยะ “ตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 23.1 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 บริษัทได้มีข้อโต้แย้งกับคู่ความเดิมในชั้นบังคับคดี ปรากฏคดีตามหมายเลขแดงเลขที่ 1325/2549 ของศาลจังหวัดสระแก้ว เกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบ่อขยะเป็นผลให้บริษัทต้องหยุดประกอบกิจการโรงงาน โดยล่าสุด เมื่อวันที่20 กุมภาพันธ์ 2555 กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาอนุมัติขยายเวลาในการปรับปรุงแก้ไขโรงงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มีนาคม2555 อย่างไรก็ดี จนถึง ณ วันที่ในหน้ารายงานของผู้สอบบัญชีบริษัทยังคงไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขโรงงานให้เสร็จเพื่อเริ่มประกอบกิจการได้”

โดย PRO ชี้แจงว่า ตามข่าวที่แจ้งในระบบสารสนเทศ วันที่ 4 กันยายน 2555 ว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา และปรับปรุงโรงงานเรียบร้อยแล้ว และมีการปรับปรุงบ่อบำบัดน้ำเสียและการก่อสร้างบ่อบำบัด และกำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย และไม่เป็นอันตรายขึ้นใหม่โดยผ่านการตรวจสอบจากคู่ความ และตัวแทนชุมชนในพื้นที่ และหน่วยงานราชการเรีบบร้อยแล้ว และอนุญาตให้เปิดบริการได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2555 กรณีที่สอง การถูกระงับใช้วงเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร และการผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารพาณิชย์ “ตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 11 และ 13 บริษัท และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ถูกธนาคารพาณิชย์ฟ้องเนื่องจากผิดสัญญาอันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาสินเชื่อบริษัท และบริษัทย่อยดังกล่าวได้บันทึกดอกเบี้ยจ่ายด้วยอัตราผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุให้สงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัท และบริษัทย่อย งบการเงินนี้ได้จัดทำขึ้นตามสมมติฐานว่า บริษัท และบริษัทย่อยจะดำเนินงานต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่ได้ปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์ในราคาที่อาจขายได้ และไม่ได้ปรับปรุงหนี้สินตามจำนวนที่จะต้องชำระ ตลอดจนไม่ได้จัดประเภทรายการใหม่ซึ่งอาจจำเป็นในกรณีที่บริษัท และบริษัทย่อยไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้”

โดย PRO ชี้แจงว่า ปัจจุบันได้มีการเจรจาผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีกับทางกรมสรรพากร และจะแล้วเสร็จครบจำนวนภายในเดือนธันวาคม 2555 และได้มีข้อสรุปในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวแล้ว  ขณะนี้อยู่ในระหว่างการร่างสัญญา และจะลงนามในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภายในเดือนธันวาคม 2555 นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น