ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ขึ้น SP และ NP กรณีผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินสิ้นสุด 30 ก.ย.55 เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทไตรมาสนี้ เชื่อตัวเลขในงบอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริง และสำนักงาน ก.ล.ต.อาจสั่งการให้แก้ไขงบการเงินได้ แม้บริษัทแจงละเอียดยิบงบการเงิน โดยผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ พบขาดทุน 166.52 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 18.65% เหตุต้นทุนทางการเงินเพิ่ม
นางสาวสุทธิรัตน์ เสวี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 166.52 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 139.84 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 26.17 ล้านบาท คิดเป็น 18.65 % โดยเป็นผลจากรายได้รวมลดลง 5.34% ในขณะที่ต้นทุนขาย 12.51% ค่าใช้จ่ายขายลดลง 40.65% ค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 49.08% ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 6.35% สำรองค่าเผื่อลูกหนี้สงสัยจะสูญ ลดลง 98.50% ค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้น 100%โดยผลการขาดทุนมาจากยอดขายที่ลดลง, ค่าใช้จ่ายคงที่ที่คงมีอยู่ และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย " SP" (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ TUCC ตั้งแต่ 4 ธ.ค. 55 และจะปลดเครื่องหมายดังกล่าววันที่ 6 ธ.ค.55 หลังจากนั้นจะแขวน NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันที่ 6 ธ.ค.55 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว
เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่เชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัทไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. อาจสั่งการให้แก้ไขงบการเงินได้
ขณะที่ ทาง TUCC ชี้เแจงในกรณีที่ผู้สอบบัญชีเสนอรายงานผลการสอบทานงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.555 แบบไม่แสดงความเห็นและไม่แสดงความเชื่อมั่น เพราะบริษัทมีผลขาดทุนติดต่อกันหลายปีและผิดนัดชำระหนี้กะบเจ้าหนี้หลายราย แม้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่นแล้ว แต่ยังคงไม่สามารถปฎิบัติตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ และการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากสินทรัพย์ไม่พอชำระหนี้ แต่ศาลล้มละลายกลางไม่รับคำร้องเพราะแผนฟื้นฟูยังไม่ชัดเจน จึงอยู่ระหว่างแก้ไขเพื่อยื่นคำร้องใหม่
กรณีที่สองผู้สอบไม่อาจสอบทานบัญชีเงินสด เนื่องจากจากบริษัทไม่สามารถจัดเตรียมเงินสดในมือและเอกสารประกอบรายการทั้งหมดให้ตรวจสอบ จึงไม่อาจประเมินได้ว่า ซึ่ง TUCC แจงว่า บริษัทได้ทำรายการเงินสดไว้ แต่ไม่ได้มีการตรวจนับเงินสด และปัจจุบันค้าขายด้วยเงินสด และบริษัทขาดเงินทุนหมุนเวียน จึงต้องหมุนรอบการค้าขายให้ไวขึ้นเพื่อที่ได้นำกำไรมาเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับเงินเดือนพนักงาน ,ค่าไฟฟ้า และอื่น ๆ ซึ่งบริษัทมีการสรุปเงินสดประจำวันทุกสิ้นวันและเอกสารประกอบการควบคุมอย่างชัดเจน
กรณีที่สามผู้สอบฯ ไม่สามารถสอบทานให้เป็นที่พอใจได้ในค่าตอบแทนของผู้บริหารซึ่งแสดงรายการในงบกาไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ รวม สาหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือน เนื่องจากบริษัทไม่มีเอกสารประกอบการบันทึกรายการอย่างเหมาะสมและมีรายละเอียดไม่ตรงกับมูลค่าที่แสดงในงบการเงิน ซึ่ง TUCC แจงว่าค่าใช้จ่ายตอบแทนส่วนของผู้บริหารตั้งแต่ 54 ถึงมิ.ย. 55 ได้ทะยอยชำระ
กรณีรายละเอียดประกอบรายการบัญชีเงินภาษีอากรเรียกเก็บจากกรมสรรพากร(ยังไม่รวมเงินเพิ่ม) ซึ่งแสดงไว้เป็นหนี้สินในงบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย. 55 ไม่อาจสรุปรายการดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน TUCC แจงว่า ทางสรรพากรพื้นที่สมุทปราการได้มีหนังสือการแจ้งหนี้เกี่ยวกับหนี้ภาษีอากรมายังบริษัท และ บริษัทได้บันทึกภาระหนี้ดังกล่าวตามเอกสารที่แจ้งมาส่วนรายละเอียดทางบริษัทดาเนินการเจรจากับทางสรรพากรพื้นที่ดังกล่าวอยู่
กรณีผู้สอบบัญชีไม่สามารถสอบทานหลักฐานประกอบรายการขายของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทได้ตั้งสารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในงบการเงินรวม รายการดังกล่าวเคยถูกบันทึกเป็นรายการฝากขายแต่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นรายการขายปกติโดยตั้งค่าเผื่อขาดทุนจากการเรียกเก็บเงินไม่ได้ทั้งจำนวน ผู้สอบบัญชีไม่อาจพิจารณาได้ว่ารายการดังกล่าวเป็นรายการที่มีเงื่อนไขทางการค้าตามปกติ
โดย TUCC แจงว่า ได้ชี้แจงขบวนการขายและนาเอกสารดังต่อไปนี้ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบทั้งหมดแล้ว และทางบริษัทจะไม่มีการบันทึกรายได้จากการฝากขาย แต่จะบันทึกโดยหมายเหตุในรายการสต๊อกว่าสินค้านำไปฝากขาย ซึ่งการตั้งสารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวน มาจากอายุของลูกหนี้เกินกำหนดเงื่อนไขที่ลูกค้าได้รับจากบริษัท ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามหนี้โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายติดตามและเร่งรัดกับลูกค้า
ทั้งนี้ บมจ.ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์หรือ TUCC แจ้งผลประกอบการรวมบริษัทย่อยไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 ก.ย. 2555 ขาดทุนสุทธิเพิ่มเป็น 166.52 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.53 บาท
นางสาวสุทธิรัตน์ เสวี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 166.52 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 139.84 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 26.17 ล้านบาท คิดเป็น 18.65 % โดยเป็นผลจากรายได้รวมลดลง 5.34% ในขณะที่ต้นทุนขาย 12.51% ค่าใช้จ่ายขายลดลง 40.65% ค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 49.08% ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 6.35% สำรองค่าเผื่อลูกหนี้สงสัยจะสูญ ลดลง 98.50% ค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้น 100%โดยผลการขาดทุนมาจากยอดขายที่ลดลง, ค่าใช้จ่ายคงที่ที่คงมีอยู่ และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย " SP" (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ TUCC ตั้งแต่ 4 ธ.ค. 55 และจะปลดเครื่องหมายดังกล่าววันที่ 6 ธ.ค.55 หลังจากนั้นจะแขวน NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันที่ 6 ธ.ค.55 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว
เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่เชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัทไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. อาจสั่งการให้แก้ไขงบการเงินได้
ขณะที่ ทาง TUCC ชี้เแจงในกรณีที่ผู้สอบบัญชีเสนอรายงานผลการสอบทานงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.555 แบบไม่แสดงความเห็นและไม่แสดงความเชื่อมั่น เพราะบริษัทมีผลขาดทุนติดต่อกันหลายปีและผิดนัดชำระหนี้กะบเจ้าหนี้หลายราย แม้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่นแล้ว แต่ยังคงไม่สามารถปฎิบัติตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ และการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากสินทรัพย์ไม่พอชำระหนี้ แต่ศาลล้มละลายกลางไม่รับคำร้องเพราะแผนฟื้นฟูยังไม่ชัดเจน จึงอยู่ระหว่างแก้ไขเพื่อยื่นคำร้องใหม่
กรณีที่สองผู้สอบไม่อาจสอบทานบัญชีเงินสด เนื่องจากจากบริษัทไม่สามารถจัดเตรียมเงินสดในมือและเอกสารประกอบรายการทั้งหมดให้ตรวจสอบ จึงไม่อาจประเมินได้ว่า ซึ่ง TUCC แจงว่า บริษัทได้ทำรายการเงินสดไว้ แต่ไม่ได้มีการตรวจนับเงินสด และปัจจุบันค้าขายด้วยเงินสด และบริษัทขาดเงินทุนหมุนเวียน จึงต้องหมุนรอบการค้าขายให้ไวขึ้นเพื่อที่ได้นำกำไรมาเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับเงินเดือนพนักงาน ,ค่าไฟฟ้า และอื่น ๆ ซึ่งบริษัทมีการสรุปเงินสดประจำวันทุกสิ้นวันและเอกสารประกอบการควบคุมอย่างชัดเจน
กรณีที่สามผู้สอบฯ ไม่สามารถสอบทานให้เป็นที่พอใจได้ในค่าตอบแทนของผู้บริหารซึ่งแสดงรายการในงบกาไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ รวม สาหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือน เนื่องจากบริษัทไม่มีเอกสารประกอบการบันทึกรายการอย่างเหมาะสมและมีรายละเอียดไม่ตรงกับมูลค่าที่แสดงในงบการเงิน ซึ่ง TUCC แจงว่าค่าใช้จ่ายตอบแทนส่วนของผู้บริหารตั้งแต่ 54 ถึงมิ.ย. 55 ได้ทะยอยชำระ
กรณีรายละเอียดประกอบรายการบัญชีเงินภาษีอากรเรียกเก็บจากกรมสรรพากร(ยังไม่รวมเงินเพิ่ม) ซึ่งแสดงไว้เป็นหนี้สินในงบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย. 55 ไม่อาจสรุปรายการดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน TUCC แจงว่า ทางสรรพากรพื้นที่สมุทปราการได้มีหนังสือการแจ้งหนี้เกี่ยวกับหนี้ภาษีอากรมายังบริษัท และ บริษัทได้บันทึกภาระหนี้ดังกล่าวตามเอกสารที่แจ้งมาส่วนรายละเอียดทางบริษัทดาเนินการเจรจากับทางสรรพากรพื้นที่ดังกล่าวอยู่
กรณีผู้สอบบัญชีไม่สามารถสอบทานหลักฐานประกอบรายการขายของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทได้ตั้งสารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในงบการเงินรวม รายการดังกล่าวเคยถูกบันทึกเป็นรายการฝากขายแต่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นรายการขายปกติโดยตั้งค่าเผื่อขาดทุนจากการเรียกเก็บเงินไม่ได้ทั้งจำนวน ผู้สอบบัญชีไม่อาจพิจารณาได้ว่ารายการดังกล่าวเป็นรายการที่มีเงื่อนไขทางการค้าตามปกติ
โดย TUCC แจงว่า ได้ชี้แจงขบวนการขายและนาเอกสารดังต่อไปนี้ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบทั้งหมดแล้ว และทางบริษัทจะไม่มีการบันทึกรายได้จากการฝากขาย แต่จะบันทึกโดยหมายเหตุในรายการสต๊อกว่าสินค้านำไปฝากขาย ซึ่งการตั้งสารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวน มาจากอายุของลูกหนี้เกินกำหนดเงื่อนไขที่ลูกค้าได้รับจากบริษัท ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามหนี้โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายติดตามและเร่งรัดกับลูกค้า
ทั้งนี้ บมจ.ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์หรือ TUCC แจ้งผลประกอบการรวมบริษัทย่อยไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 ก.ย. 2555 ขาดทุนสุทธิเพิ่มเป็น 166.52 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.53 บาท