ทริสฯ คงเครดิตองค์รกร BCH ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable” สะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในกลุ่มคนไข้รายได้ระดับปานกลางถึงระดับต่ำกว่า แต่ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการรักษาพยาบาล ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพภาครัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจของบริษัท
ทริส เรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในกลุ่มคนไข้รายได้ระดับปานกลางถึงระดับต่ำกว่า ตลอดจนฐานรายได้ที่หลากหลาย คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการรักษาพยาบาล ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพภาครัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจของบริษัท
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับปานกลาง และลูกค้าโครงการสุขภาพภาครัฐเอาไว้ได้ รวมทั้งสามารถดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลใหม่ คือ WMC ได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ควรดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังสำหรับการลงทุนในอนาคตด้วย ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทถือว่ามีความแข็งแกร่ง และสามารถรองรับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดจากการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลแห่งใหม่ และการลงทุนในอนาคตได้พอสมควร
สำหรับ BCH เป็นเจ้าของ และบริหารกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่งภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์" โดย 4 แห่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ในจังหวัดเชียงราย และสระบุรี หลังจากตัดสินใจออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2553 บริษัทมีรายได้จากลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนไข้เงินสด และกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม โดยในปี 2554 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดอยู่ที่ 70% และกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม 30%
ทั้งนี้ บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐ โดยในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 9%-11% การมีฐานจำนวนผู้ประกันตนจำนวนมากช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบจากการประหยัดต่อขนาด ในขณะที่ลักษณะของธุรกิจที่มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ช่วยเสริมความมั่นคงให้แก่ผลประกอบการ
นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากการมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และยังช่วยคงระดับการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีต้นทุนสูงไม่ให้ต่ำเกินไปด้วย ความพยายามของบริษัทในการควบคุมค่าใช้จ่ายบังเกิดผลที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเห็นได้จากอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างสูง และสม่ำเสมอในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเผชิญกับความท้าทายในการที่จะขยายไปสู่ตลาดลูกค้ารายได้สูง ทั้งนี้ สถานะของบริษัทในตลาดลูกค้ารายได้สูงถือว่ายังไม่มีศักยภาพเท่าเทียมกับธุรกิจในปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทยังมีข้อจำกัดในด้านผลงาน และชื่อเสียงที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมาย