xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปรับลงกังวลทิศทาง US จับตาแผนแก้ขาดดุลเรื้อรัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 “โอบามา” ไม่ได้ช่วย..หุ้นไทยผันผวนช่วงลุ้นผลเลือกตั้ง ก่อนกลับมาปิดตลาดลบ 1.10 จุด เหตุนักลงทุนเริ่มจับตานโยบายการแก้ปัญหาขาดดุลเรื้อรัง “Fiscal Cliff” ของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อกันว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โบรกฯ แนะให้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนผู้นำจีนต่อ

    ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 พ.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,299.74 จุด ลดลง 1.10 จุด หรือ 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 41,869.66 ล้านบาท ภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีผันผวนค่อนข้างมากในช่วงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และเมื่อภาพออกมาในทางบวกหลังได้ผู้ชนะ หลายฝ่ายยังเชื่อว่าจะมีผลเพียงแค่ระยะสั้น

              น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนค่อนข้างมากในช่วงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และแม้ภาพออกมาในทางบวกที่ได้ผู้ชนะการเลือกตั้งแล้ว แต่ก็คงจะเป็นเพียงการตอบรับแค่ระยะสั้น  เนื่องจากภาพรวมตลาดฯ ยังมีหลายปัจจัยให้กังวล โดยนักลงทุนหันไปมองนโยบายของสหรัฐฯ และปัญหา fiscal cliff ต่อว่าจะเป็นเช่นไร โดยทำให้ดัชนีวันนี้ปรับตัวลงมา

    ขณะที่เหตุการณ์ในยุโรปต้องจับตากรีซว่ามาตรการการรัดเข็มขัดจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ท่ามกลางการประท้วงของประชาชน และก็ยังต้องดูสเปนด้วย ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้แต่คงจะไม่มากนัก เนื่องจากจะต้องติดตามนโยบายของสหรัฐฯ และปัญหา fiscal cliff ต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,294-1,295 จุด แนวต้านที่ 1,310-1,305 จุด

    นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า การที่นายบารัค โอบามา ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย  ประเด็นดังกล่าว ไม่มีผลต่อการการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจัยหลักที่ต้องติดตามต่อไปคือ มาตรการด้านภาษีที่มีการลดหย่อนไปก่อนหน้านี้ที่กำลังจะครบอายุในปีนี้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร อีกทั้งประเด็นยุโรปที่กรีซจะมีการประชุมสภาเพื่อโหวตขออนุมัติแผนลดเข็มขัด โดยหากไม่ผ่านก็มีความเสี่ยงที่กรีซจะไม่ได้รับเงินช่วงเหลือก้อนใหม่ และประเด็นการเปลี่ยนผู้นำของจีนที่จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิสต์ซึ่งเชื่อว่านโยบายในการบริหารประเทศว่าจะดำเนินต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะยังคล้ายนโยบายเดิม

    บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นโลกตอบรับในเชิงบวกในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับสถิติในอดีต แต่หลังจากนี้ เชื่อตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่ภาวะปรับฐานต่อยัง แนะเลือกซื้อหุ้นเป็นตัวเฉพาะ PER ต่ำ และเงินปันผลสูง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ ตอบรับในเชิงบวกต่อการเลือกประธานาธิบดี โดยบวกไปกว่า 1% แต่ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเมื่อปี 2551 ดัชนี S&P500 ก็ปรับตัวขึ้นกว่า 4% ในวันเลือกตั้งเช่นกัน คาดว่าช่วงถัดจากนี้ จะเริ่มเห็นการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีหุ้นโลก

    โดยภารกิจสำคัญในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯนับจากนี้ น่าจะมุ่งประเด็นไปที่การจัดการกับปัญหาขาดดุลเรื้อรัง “Fiscal Cliff” โดยเฉพาะขาดดุลงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ (รัฐมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ) ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องตัดลดงบประมาณรายจ่ายปี 2556 ลง พร้อมๆ กับความจำเป็นในการจัดเก็บภาษีรายได้ให้เพิ่มขึ้น  โดยสรุป ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็อาจจะกดดันกำลังซื้อในประเทศ และส่งผลต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และถือเป็นประเด็นสำคัญที่ชาวโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของ G-20 ที่ประเทศเม็กซิโก ได้แสดงท่าทีให้สหรัฐฯ ค่อยๆ ชะลอปรับลดงบประมาณรายจ่ายขาดดุล เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก  
กำลังโหลดความคิดเห็น