“คลัง” เผยผลดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ณ สิ้นเดือน ต.ค.55 เกษตรกรทำประกันภัย 4.5 หมื่นราย พื้นที่กว่า 8.6 แสนไร่ เบี้ยรับรวม 111.6 ล้านบาท ยันเป็นโครงการที่ดี มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงภัยให้แก่เกษตรกร โดยปีนี้ได้เพิ่มการคุ้มครองภัยโรคระบาด 555 บาท/ไร่
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 โดยระบุว่า เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วคุ้มครองเฉพาะภัยธรรมชาติทั้งหมด 6 ภัย ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่
“แต่ในปีนี้เกษตรกรจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นจากภัยศัตรูพืช และโรคระบาด โดยจะได้รับวงเงินความคุ้มครองจำนวน 555 บาทต่อไร่ ขณะที่อัตราค่าเบี้ยประกันภัยยังคงเท่าเดิม คือ ในอัตรา 120 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์ และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้ เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยสุทธิเพียง 60 บาทต่อไร่ ที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้อุดหนุน”
โดยแผนในการดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 ดำเนินการโดยกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ร่วมกับบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งทาง ธ.ก.ส. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารโครงการ โดยเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัย และบริษัทผู้รับประกันภัย
ส่วนระยะเวลาการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับปีการผลิต 2555 ได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2555 ถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2555 สำหรับทุกภาค ยกเว้นภาคใต้เริ่มจำหน่ายวันที่ 27 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2555 หลังสิ้นสุดการจำหน่ายในทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ พบว่า มีเกษตรกรผู้ทำประกันภัยจำนวน 45,312 ราย จำนวนพื้นที่เกษตรกรเอาประกันภัย 865,634 ไร่ และมีค่าเบี้ยประกันรวม 111.6 ล้านบาท
ด้านการรับค่าสินไหมทดแทน ปรากฏว่า มีเกษตรกรขอรับค่าสินไหมทดแทน 15 ราย จำนวนพื้นที่ที่เกษตรกรเอาประกันภัย 318 ไร่ คิดเป็นเงิน 3.5 แสนบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 2 พ.ย.55) ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2554 เกษตรกรทั่วประเทศจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย 136.6 ล้านบาท และได้รับค่าสินไหมทดแทนรวม 754.6 ล้านบาท
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการประกันภัยข้าวนาปีเป็นโครงการที่ดี มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงภัยให้แก่เกษตรกร ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความคุ้มครองโดยได้รับค่าชดเชยความเสียหายจากกรณีประสบภัยพิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการสร้างรากฐานกลไกการประกันภัยพืชผลให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว