“วุฒิ-ศักดิ์” เปิดแผนธุรกิจในอนาคต 2 แนวทาง เล็งขายกิจการ 2 หมื่นล้านให้ต่างชาติ หรืออาจดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุน สำหรับแผนในปี 56 เตรียมรุกตลาดอาเซียน
นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป เปิดเผยแผนธุรกิจในอนาคต โดยยอมรับว่าตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจรณา 2 แนวทางการบริหารจัดการแผนธุรกิจ โดยแนวทางแรกคือ การขายกิจการให้แก่นักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศที่สนใจเข้าซื้อกิจการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อขอซื้อกิจการกับบริษัท และแนวทางที่ 2 การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ การขายกิจการ หรือการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากตัวเองต้องการลดบทบาทการถือหุ้น และการบริหารจัดการ โดยต้องการหันไปทำธุรกิจฟาร์มที่ จ.เชียงใหม่ รวมถึงการตกแต่งรีสอร์ตสถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบล้านนา ซึ่งขณะนี้ได้ลงทุนดำเนินการไปบางส่วนแล้ว
“บริษัทไม่มีหนี้ในการทำกิจการ เพราะยึดถือความพอเพียงตั้งแต่เริ่มต้น แต่ส่วนตัวแล้วต้องการเกษียณงานก่อนอายุ 40 ปี และต้องการทำฟาร์ม ซึ่งเป็นงานที่ชอบ”
สำหรับแผนกลยุทธ์การตลาดช่วงครึ่งปีหลัง และต้นปีหน้า บริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญกับกลุ่มคอสเมติกเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มคลินิกเสริมความงามเปิดตัวจำนวนมาก และมีการแข่งขันสูง โดยล่าสุด ได้แต่งตั้งนายธนา ลิมปยารยะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท วุฒิ-ศักดิ์ คอสเมติก ดูแลกลุ่มคอสเมติกครอบวงจร ทั้งฟังก์ชันนอลดริงก์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพอร์เซอนอล แคร์ แอนด์ สกินแคร์ และคอสเมติก แอนด์ คัลเลอร์ ไลน์ สร้างการรับรู้ของลูกค้าให้ขยายในวงกว้างผ่านร้านโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น-อีเลฟเว่น เป็นต้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 100%
นายณกรณ์ กล่าวว่า ด้านแผนการขยายสาขาวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก เตรียมใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ขยายสาขาในประเทศไทยปีหน้า 15-20 สาขา การเปิดเฮลธ์ คลับ อีก 6 สาขา ใช้งบประมาณสาขาละ 3-4 ล้านบาท เพื่อรองรับธุรกิจคอสเมติก การเปิดร้านสปาพุทธรักษา 2 สาขา สาขาละ 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนการรุกธุรกิจไปยังกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในลักษณะแฟรนไชส์ร่วมกับนักลงทุนในแต่ละประเทศ โดยปีหน้าเตรียมเปิดประเทศเวียดนาม 20 สาขา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งมองว่าประเทศกลุ่มดังกล่าวมีศักยภาพ คู่แข่งทางธุรกิจน้อย และบริษัทเป็นรายแรกๆ ที่เข้าไปทำตลาด
ด้านภาพรวมธุรกิจความงามของไทยในปีนี้ มูลค่าตลาดรวม 2-3 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมียอดขายในปีนี้ 4,000 ล้านบาท เติบโต 5% ซึ่งเป็นการเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนแนวโน้มการเติบโตอยู่ระหว่างการประเมินภาพรวมตลาด