เอสเตท กูรูฯ อสังหาฯ น้องใหม่กางแผนลุยผุดทาวน์โฮมย่านพระราม 2 ต่อเนื่อง 2-3 โครงการ หลังทาวน์โฮม “วิสดอม เพชรเกษม 53” ปิดการขายภายใน 50 วัน
นายณัท มานะสมจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนโครงการใหม่ในย่านฝั่งธนบุรีเพิ่มอีก 2-3 โครงการในปีหน้า ภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จปิดการขายโครงการ วิสดอม เพชรเกษม 53 เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคา 1.69-2.45 ล้านบาท จำนวน 73 ยูนิต ซึ่งสามารถปิดการขายได้ภายในเวลา 50 วัน โดยการลงทุนโครงการใหม่ในปี 2556 นั้น จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าในย่านพระราม 2 และสาทรเป็นหลัก โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกซื้อที่ดินแปลงใหม่เข้ามารองรับการพัฒนาโครงการตามแผนในปีหน้า
สำหรับรูปแบบโครงการที่จะลงทุนในปี 56 นั้น จะยังคงเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบแบบทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ชานเมือง และสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก รวดเร็ว ระดับราคาขายเฉลี่ย 3.5-4.8 ล้านบาท โดยขนาดพื้นที่โครงการนั้นเนื่องจากบริษัทเน้นการพัฒนาโครงการไม่ใหญ่มาก จึงกำหนดขนาดการพัฒาโครงการไว้ที่ 10-15 ไร่ มูลค่าขายรวมต่อโครงการไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
นายณัท กล่าวว่า จากการศึกษาตลาดในพื้นที่ย่านพระราม 2 พบว่าดีมานด์ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้จะมีการชะลอตัวของดีมานด์ในตลาดที่อย่อาศัยโดยรวม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 54 ที่ผ่านมา แต่อัตราการขาย และยอดการโอนทาวน์เฮาส์ ในพื้นที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของความต้องการในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในโซนพระราม 2 อย่างต่อเนื่อง
นายณัท มานะสมจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนโครงการใหม่ในย่านฝั่งธนบุรีเพิ่มอีก 2-3 โครงการในปีหน้า ภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จปิดการขายโครงการ วิสดอม เพชรเกษม 53 เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคา 1.69-2.45 ล้านบาท จำนวน 73 ยูนิต ซึ่งสามารถปิดการขายได้ภายในเวลา 50 วัน โดยการลงทุนโครงการใหม่ในปี 2556 นั้น จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าในย่านพระราม 2 และสาทรเป็นหลัก โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกซื้อที่ดินแปลงใหม่เข้ามารองรับการพัฒนาโครงการตามแผนในปีหน้า
สำหรับรูปแบบโครงการที่จะลงทุนในปี 56 นั้น จะยังคงเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบแบบทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ชานเมือง และสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก รวดเร็ว ระดับราคาขายเฉลี่ย 3.5-4.8 ล้านบาท โดยขนาดพื้นที่โครงการนั้นเนื่องจากบริษัทเน้นการพัฒนาโครงการไม่ใหญ่มาก จึงกำหนดขนาดการพัฒาโครงการไว้ที่ 10-15 ไร่ มูลค่าขายรวมต่อโครงการไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
นายณัท กล่าวว่า จากการศึกษาตลาดในพื้นที่ย่านพระราม 2 พบว่าดีมานด์ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้จะมีการชะลอตัวของดีมานด์ในตลาดที่อย่อาศัยโดยรวม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 54 ที่ผ่านมา แต่อัตราการขาย และยอดการโอนทาวน์เฮาส์ ในพื้นที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของความต้องการในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในโซนพระราม 2 อย่างต่อเนื่อง
