xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยฮอตดันมาร์เกตแคป 11 ล้าน ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ชี้ มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสแตะ 11 ล้านล้านบาท เหตุมาตการ QE3-ปีเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นอาเซียน-ธปท.ลดดอกเบี้ย ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้น คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจสูงกว่า 1.33 พันจุดได้ หากกำไร บจ.ไตรมาส 4/55 สูงกว่าคาด  “วิรไท” เชื่อมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะขาดอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท จากภาวะตลาดโดยรวมเอื้อให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น

    นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสที่จะถึง 11 ล้านล้านบาทได้ เนื่องจากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีการเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศจากที่มีการเติบโตเศรษฐกิจที่สูง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย  และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้มีการใช้มาตรการ QE3 ทำให้มีเม็ดเงินสภาพคล่องในระบบที่สูง ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจากที่จะให้ผลตอบแทนที่โดยปัจจุบัน มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 10.8 ล้านล้านบาท

    ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,333 จุด เนื่องจากข่าวดีก็ออกมาหมดแล้ว ระยะนี้ภาวะหุ้นคงไม่หวือหวา ไม่ว่าจะเป็นการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการลดอัตราดอกเบี้ย ฯลฯ ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,330 จุดได้ คงต้องรอการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัทจดทะเบียนว่าจะมีการเติบโตในอัตราที่ดี และสามารถดันให้ดัชนีหุ้นขึ้นไปต่อได้อีกหรือไม่

    สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-19 ต.ค.) พบว่า ยอดสินเชื่อคงค้างการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) ของบริษัทลดลงเหลือประมาณ  7,000 ล้านบาท จากเดิม 8,000 ล้านบาท สาเหตุเนื่องจากลูกค้าขายหุ้นทำกำไรรับรู้ข่าว (เซลออนแฟก) เพื่อนำนำเงินมาคืนหนี้  จากเป็นช่วงที่มีความชัดเจนการประมูล 3G และรับรู้ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์งวด ไตรมาส 3 ของปีนี้

    อย่างไรก็ตาม บริษัทเคาดว่าจะพยายามรักษายอดคงค้างการปล่อยมาร์จิ้นโลนให้อยู่ในระหว่าง 8,000 -8,500 ล้านบาท แม้ว่าขนาดของทุนที่มีอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท และจากการที่บริษัทแม่พร้อมให้การสนับสนุนด้านเงินทุนนั้น ทำให้สามารถปล่อยกู้ได้เต็มที่ถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาท แต่จากการที่ระดับราคาหุ้นมี P/E ที่สูงนั้น ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าปล่อยมาร์จิ้นในภาวะหุ้นราคาถูก จึงมองว่า ระดับการปล่อยที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ระดับ 8,000-8,500 ล้านบาท

    นายวิรไทย   สันติประภพ รองผู้จัดการสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะถึง 11 ล้านล้านบาท ได้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ที่ 10.88 ล้านบาท ซึ่งเหลืออีกประมาณ 1 แสนล้านบาทก็จะถึงแล้ว เพราะมองว่าภาวะต่างๆ เอื้อ ไม่ว่าจะเป็นมาตการ QE3 และจากการที่ ธปท.ลดอัตราดอกเบี้นนโยบาย นั้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน เพราะจากการที่เม็ดเงินลงทุนสภาพคล่องในระบบที่สูงนั้นก็จะทำให้มีความผันผวน ซึ่งเมื่อมีข่าวร้ายเข้ามากระทบ เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศนั้นก็จะมีการไหลออก
กำลังโหลดความคิดเห็น