ASTVผู้จัดการรายวัน-ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้ กองทุนอังฤษ 30 แห่งสนใจเข้าฟังข้อมูลโรดโชว์ ด้านรมช.คมนาคม ให้ความมั่นใจการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลหนุน การเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่นักลงทุนต่างชาติให้สนใจลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง จากมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง -บริหารงานที่ดีผ่านวิกฤตต่างๆได้ “วิรไทย”เชื่อเมื่อไทย เชื่อมการซื้อขายโยงการซื้อขายกระดานอาเชียนระหว่างสิงโปร์ -มาเลเซีย วันนี้(15ต.ค.) จะส่งผลวอลุ่มการซื้อขายกระดานอาเซียนเพิ่มขึ้น พร้อมเตรียมเชื่อมโยงระบบหลังบ้านต่อไป
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนที่ประเทศอังกฤษร่วมบล. ภัทร จำกัด และ Bank of America Merrill Lynchวันที่ 10-11 ตุลาคม2555 ที่ผ่านมานั้น มีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟัง จำนวน 30 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีการลงทุนอยู่แล้ว เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และ การลงทุน
สำหรับการไปโรดโชว์ครั้งนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร่วมไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เรื่องการลงทุนรถไฟฟ้า ท่าเรือ สนามบินฯลฯ ว่าขณะนี้ได้มีการเริ่มลงทุนไปแล้วบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ จากที่ผ่านมา5- 6ที่ผ่านมาไทยยังไม่ได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเท่าไร เพราะ นักลงทุนต่างประเทศนั้นต้องการรับฟังข้อมูลว่าการเติบโตเศรษฐกิจของไทยจากนี้ไปจะมีการเติบโตไปในอนาคตอย่างไร
นอกจากนี้นักลงทุนมีความสนใจสอบถามถึงหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงและมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องมากขึ้น เนื่องจาก การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก ทำให้มีการย้ายเงินจากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่เม็ดเงินลงทุนสภาพคล่องของโลกที่มีจำนวนมากก็จะหาแหล่งเงินทุนที่ให้ตอบแทนที่ดี โดยหุ้นที่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องนั้นถือว่าเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งมีการบริหารที่ดีสามารถผ่านวิกฤติต่างๆได้
สำหรับตลาดหุ้นไทยปัจจุบันให้ผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3.4% ทั้งที่ดัชนีได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับ 1,300 จุด โดยถือว่าให้ผลตอบแทนาสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก จากที่ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ 2.8% อินโดนีเซีย ที่ 2.1% เกาหลีใต้ที่ 1.2% นอกจากการเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยแล้วได้รับผลตอบแทนเงินปันผลแล้วยังได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าด้วย นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ดี จากการที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการลงทุนโครงการในโครงสร้างพื้นฐาน กำไรบจ.ดี นั้นเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ส่วนในวันที่ 15 ตุลาคม ตลาดหลักทรัพย์ฯจะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์(บล.)แห่งหนึ่ง ไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายบุคคลที่ประเทศญี่ป่น เนื่องจาก นักลงทุนรายบุคคลของประเทศญี่ปุ่นนั้นให้ความสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกับบริษัทหลักทรัพย์ญี่ปุ่น เพื่อให้บล.ญี่ปุ่นสามารถที่จะให้คำแนะนำนักลงทุนรายบุคคลของญี่ป่นได้เช่นกัน โดยที่ผ่านมานักลงทุนบุคคลญี่ปุ่นยังเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกองทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯมีเป้าหมายที่จะขายฐานนักลงทุนบุคคลต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการให้ข้อมูลการลงทุนแก่นักลงทุนบุคคลที่ประเทศจีน และ สิงคโปร์ ซึ่งถือว่าให้ผลอตอบรับดีมาก
นายวิรไท กล่าวว่า ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ตลท.จะมีการเชื่อมโยงกระดานการซื้อขายหุ้นอาเซียน โครงการ อาเซียนลิ้งค์เกจ กับตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ และ ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย โดยส่วนตัวเชื่อว่า จะทำให้มูลค่าการซื้อขายในกระดานอาเซียนมากขึ้น เพราะ ในช่วงที่ผ่านมาที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมาเลเซีย มีการเชื่อมโยงกันนั้น มูลค่าการซื้อขายไม่มาก เพราะ นักลงทุน 2 ประเทศนั้น มีการลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว แต่นักลงทุนมาเลเซีย และสิงคโปร์ มีการมาลงทุนไทยไม่มาก
โดยเมื่อมีการเชื่อมโยงบนกระดานซื้อขายอาเซียนแล้วตลท.จะมีการพัฒนาการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านในเรื่องการรับฝากหลักทรัพย์ และ การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (เคลียร์ริ่ง) เช่น นักลงทุนสิงคโปร์ เมื่อมีการลงทุนในหุ้นไทยนั้น สามารถที่จะฝากหลักทรัพย์ไว้ที่ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) ได้ และบล.ต่างประเทศการชำระราคาสามารถทำได้โดยตรงโดยบล.ไทย ฯลฯ
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนที่ประเทศอังกฤษร่วมบล. ภัทร จำกัด และ Bank of America Merrill Lynchวันที่ 10-11 ตุลาคม2555 ที่ผ่านมานั้น มีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟัง จำนวน 30 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีการลงทุนอยู่แล้ว เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และ การลงทุน
สำหรับการไปโรดโชว์ครั้งนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร่วมไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เรื่องการลงทุนรถไฟฟ้า ท่าเรือ สนามบินฯลฯ ว่าขณะนี้ได้มีการเริ่มลงทุนไปแล้วบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ จากที่ผ่านมา5- 6ที่ผ่านมาไทยยังไม่ได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเท่าไร เพราะ นักลงทุนต่างประเทศนั้นต้องการรับฟังข้อมูลว่าการเติบโตเศรษฐกิจของไทยจากนี้ไปจะมีการเติบโตไปในอนาคตอย่างไร
นอกจากนี้นักลงทุนมีความสนใจสอบถามถึงหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงและมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องมากขึ้น เนื่องจาก การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก ทำให้มีการย้ายเงินจากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่เม็ดเงินลงทุนสภาพคล่องของโลกที่มีจำนวนมากก็จะหาแหล่งเงินทุนที่ให้ตอบแทนที่ดี โดยหุ้นที่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องนั้นถือว่าเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งมีการบริหารที่ดีสามารถผ่านวิกฤติต่างๆได้
สำหรับตลาดหุ้นไทยปัจจุบันให้ผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3.4% ทั้งที่ดัชนีได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับ 1,300 จุด โดยถือว่าให้ผลตอบแทนาสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก จากที่ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ 2.8% อินโดนีเซีย ที่ 2.1% เกาหลีใต้ที่ 1.2% นอกจากการเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยแล้วได้รับผลตอบแทนเงินปันผลแล้วยังได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าด้วย นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ดี จากการที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการลงทุนโครงการในโครงสร้างพื้นฐาน กำไรบจ.ดี นั้นเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ส่วนในวันที่ 15 ตุลาคม ตลาดหลักทรัพย์ฯจะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์(บล.)แห่งหนึ่ง ไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายบุคคลที่ประเทศญี่ป่น เนื่องจาก นักลงทุนรายบุคคลของประเทศญี่ปุ่นนั้นให้ความสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกับบริษัทหลักทรัพย์ญี่ปุ่น เพื่อให้บล.ญี่ปุ่นสามารถที่จะให้คำแนะนำนักลงทุนรายบุคคลของญี่ป่นได้เช่นกัน โดยที่ผ่านมานักลงทุนบุคคลญี่ปุ่นยังเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกองทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯมีเป้าหมายที่จะขายฐานนักลงทุนบุคคลต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการให้ข้อมูลการลงทุนแก่นักลงทุนบุคคลที่ประเทศจีน และ สิงคโปร์ ซึ่งถือว่าให้ผลอตอบรับดีมาก
นายวิรไท กล่าวว่า ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ตลท.จะมีการเชื่อมโยงกระดานการซื้อขายหุ้นอาเซียน โครงการ อาเซียนลิ้งค์เกจ กับตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ และ ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย โดยส่วนตัวเชื่อว่า จะทำให้มูลค่าการซื้อขายในกระดานอาเซียนมากขึ้น เพราะ ในช่วงที่ผ่านมาที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมาเลเซีย มีการเชื่อมโยงกันนั้น มูลค่าการซื้อขายไม่มาก เพราะ นักลงทุน 2 ประเทศนั้น มีการลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว แต่นักลงทุนมาเลเซีย และสิงคโปร์ มีการมาลงทุนไทยไม่มาก
โดยเมื่อมีการเชื่อมโยงบนกระดานซื้อขายอาเซียนแล้วตลท.จะมีการพัฒนาการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านในเรื่องการรับฝากหลักทรัพย์ และ การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (เคลียร์ริ่ง) เช่น นักลงทุนสิงคโปร์ เมื่อมีการลงทุนในหุ้นไทยนั้น สามารถที่จะฝากหลักทรัพย์ไว้ที่ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) ได้ และบล.ต่างประเทศการชำระราคาสามารถทำได้โดยตรงโดยบล.ไทย ฯลฯ
