บล.ไทยพาณิชย์ หันจับลูกค้ารายย่อย จากเดิมหลายคนมองเน้นสถาบัน หวังภายใน 3 ปีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% คาดได้ลูกค้าใหม่อีก 5 พันบัญชีในปี 56 จากการเปิดให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านสาขาแบงก์ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้บัญชีซื้อขายหุ้นมีโอกาสเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือ 1.5 ล้านบัญชีได้ จากปัจจุบัน 7 แสนบัญชี ขึ้นอยู่การทำการตลาดของโบรกเกอร์
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเน้นกลยุทธ์การขยายฐานนักลงทุนบุคคล เนื่องจากบริษัทได้มีความร่วมมือกับทางบริษัทแม่ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์มากขึ้น จากที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์นั้นมีฐานลูกค้าเงินฝากที่เป็นรายบุคคลจำนวนมาก จากมีสาขาถึง 1,126 สาขา และมีฐานลูกค้าเงินฝากจำนวน 12 ล้านบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท โดยขณะนี้ บริษัทให้บริการ “เปิดบัญชีหุ้นทันใจที่ไทยพาณิชย์”โดยผู้สนใจสามารถที่จะเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทาง บล.ไทยพาณิชย์ทำหน้าที่ในการอนุมัติได้ในเวลารวดเร็วภายในครึ่งวันทำการสำหรับบัญชีหุ้นประเภทบัญชีเงินฝาก (Cash Balance) และ 1 วัน ทำการสำหรับบัญชีหุ้นประเภทบัญชีเงินสด (Cash Account) จากเดิมที่ใช้เวลา 3-5 วัน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าภายในปี 2556 จะสามารถขยายฐานลูกค้าบุคคลผ่านทางการให้บริการดังกล่าวกว่า 5,000 บัญชี และเปิดให้บริการได้คอบคลุมกว่า 70 สาขาในปีนี้ และคาดว่าจะใช้บริการครอบคลุมทุกสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศภายในไตรมาส 2/56 โดยบริการดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการที่บริษัทจะรุกการขยายฐานลูกค้าบุคคลให้มีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นก่อน และอนาคตบริษัทจะมีการจัดโปรโมชันอื่นๆ ต่อไป
สำหรับบริษัทวางแผนภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2558 สัดส่วนลูกค้ารายบุคคลของ บล.ไทยพาณิชย์จะเพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบัน 60% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ เหลือ 30% จาก 40% ในปัจจุบัน โดยขณะนี้ ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ในส่วนของลูกค้ารายบุคคลของบริษัทอยู่ที่ 2.5% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.5% ถือว่าเป็นทิศทางการขยายตัวที่ดี ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนบุคคลของบริษัทนั้นถือว่ามีการซื้อขายสม่ำเสมอสูงถึง 60% โดยสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 30-40%
“บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมาเป็นบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่เน้นการให้บริการลูกค้ารายบุคคล จากเดิมภาพลักษณ์ของบริษัทจะเป็นโบรเกอร์ที่เน้นให้บริการผู้ลงทุน จากที่สามารถใช้เครือข่ายของแบงก์ไทยพาณิชย์ ที่มีฐานลูกค้าเงินฝากจำนวนมากเข้าถึงลูกค้ารายบุคคลได้ดี” ม.ล.ทองมกุฎกล่าว
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ศักยภาพของประเทศไทยคาดว่าจำนวนบัญชีหุ้นน่าจะโตได้อีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ 1.5 ล้านบัญชี จากปัจจุบันที่ 7 แสนบัญชี ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการทำการตลาด และจัดโครงการของโบรกเกอร์ แต่มีความเชื่อว่าหากโบรกเอร์สามารถเจาะฐานลูกค้าเงินฝากได้น่าจะเป็นส่วนผลักดันให้ไปถึงระดับดังกล่าวได้โดยเร็ว