“บีอีซี” โต้ข่าว 4 สปอนเซอร์ใหญ่ถอนโฆษณา ลั่นจุดยืนไม่มีแผนปลดพิธีกรดัง “สรยุทธ” แม้กระแสสังคมจะมองว่าขาดความเหมาะสม เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ฟุ้งรายได้ปี 56 โตมากกว่า 15% เนื่องจากภาวะ ศก. ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และบริษัทรายใหญ่ที่ซื้อโฆษณากับช่อง 3 จะมีมากขึ้น คาดว่าจะมีจำนวน 30-40 บริษัท จากปีนี้ที่มีจำนวนกว่า 20 บริษัท ซึ่งบริษัทเองพยายามหาทางขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และทำรายการให้หลากหลายมากขึ้นด้วย
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC กล่าวถึงกรณีภาคีเครือข่ายต้านคอร์รัปชั่นเตรียมใช้มาตรการกดดันทางสังคม หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดบริษัท ไร่ส้ม จำกัด กรณีทุจริตค่าโฆษณาบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นเงิน 138 ล้านบาทนั้น โดยยืนยันว่า ช่อง 3 ไม่มีแผนที่จะถอดนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการออกจากการจัดรายการแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีกระแสสังคมระบุว่า ขาดความเหมาะสม
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และยังไม่ได้รับแจ้งว่าสปอนเซอร์รายใหญ่จะถอนโฆษณาออกจากรายการที่นายสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งนี้ รายได้จากค่าโฆษณาของรายการข่าวที่นายสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ค่าโฆษณารายการข่าว
ส่วนผลประกอบการของ บีอีซี นั้น บริษัทคาดว่าในปี 2555 กำไรสุทธิจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.53 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ในปีนี้เติบโตประมาณ 15% เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม 2555 และภาครัฐลดการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีนี้ลดลงเหลือ 23% จากปีก่อนอยู่ 30% และแนวโน้มในปี 2556 คาดว่ารายได้น่าจะไม่ต่ำกว่าปีนี้ โดยมองว่า จะเติบโตมากกว่า 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และบริษัทรายใหญ่ที่ซื้อโฆษณากับช่อง 3 จะมีมากขึ้น คาดว่าจะมีจำนวน 30-40 บริษัท จากปีนี้ที่มีจำนวนกว่า 20 บริษัท ซึ่งบริษัทเองพยายามหาทางขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และทำรายการให้หลากหลายมากขึ้นด้วย
สำหรับการเปิดช่องทีวีดิจิตอลในปีหน้านั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบต่อช่อง 3 เพราะเป็นคนละรูปแบบ รวมถึงแนวโน้มทีวีดาวเทียมจะมีมากขึ้นก็ไม่กระทบบริษัทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังไม่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอลในปีหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยให้ความสนใจ แต่เมื่อทำการศึกษาแล้วพบว่า หากเข้าลงทุนธุรกิจทีวีดิจิตัลมีโอกาสขาดทุนสูง เพราะคาดว่าฐานผู้ชมเติบโตปีละประมาณ 1.5% เท่านั้น แต่จะมีผู้ผลิตจำนวนมากกว่าการเติบโตของฐานผู้ชม จึงเห็นว่าควรรอดูตลาดก่อน