xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ วิเคราะห์ 4 บริษัทใหญ่ถอนโฆษณา “เล่าข่าวสรยุทธ” กระทบรายได้ “ช่อง 3” เล็กน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ เผยราคาหุ้น BEC ปรับลง 7% สัปดาห์ก่อน ตอบรับข่าว “สรยทธ” ในเชิงลบมากเกินไป ชี้ผลกระทบคดีโกงค่าโฆษณา “อสมท” อาจไม่แย่อย่างที่คาด ส่วนกรณี 4 บริษัทเอกชนรายใหญ่ 4 ราย สั่งสอน “สื่อโกง” ยกเลิกการซื้อเวลาโฆษณา “เล่าข่าว” ส่งผลกระทบจำกัดต่อรายได้ของ BEC โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารายอื่นซื้อโฆษณาแทน เพราะรายการได้รับความนิยมสูง ยันราคาหุ้น BEC ที่ปรับตัวลดลง ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน คาดรายได้ปี 56 เพิ่มขึ้น หากช่อง 3 ปรับขึ้นค่าโฆษณาตามช่อง 7 แนะนำ "ซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดบริษัท ไร่ส้ม ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ทุจริตเงินโฆษณาบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 138 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับลงหนักกว่า 7% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ล่าสุด บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินว่า ผลกระทบจากกรณีคุณสรยุทธอาจไม่แย่อย่างที่คาด : รายการที่ดำเนินรายการโดยคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา คือ เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเด่นเย็นนี้ และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ มีเวลาออกอากาศรวม 26 ชั่วโมง 45 นาทีต่อสัปดาห์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 16% ของรายได้รวม BEC เราคาดว่าหากบริษัทเอกชนรายใหญ่ 4 รายยกเลิกการซื้อเวลาโฆษณาในรายการดังกล่าวส่งผลกระทบจำกัดต่อรายได้ของ BEC โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารายอื่นซื้อโฆษณาแทน เนื่องจากรายการได้รับความนิยมสูง

แต่หากคุณสรยุทธ ไม่ได้ดำเนินรายการอีกต่อไป เราทำ Sensitivity ให้อัตราการใช้เวลาโฆษณาของทั้ง 3 รายการลดลงจาก 100% เป็น 50-90% โดยในกรณีเลวร้ายที่สุด ภายใต้สมมติฐานอัตราการใช้เวลาโฆษณาลดลงเหลือ 50% ในปี 2556 คาดส่งผลกระทบต่อกำไรของ BEC 10% ลดลงเป็น 4,683 ล้านบาทในปี 2556 (ยังเติบโต 1% YoY) และทำให้ราคาเป้าหมายอิง DCF ลดลงเป็น 57 บาท จากสมมติฐานอัตราการใช้เวลาโฆษณารายการดังกล่าวที่ 50% ในปี 2556 โดยเพิ่มเป็น 60% ในปี 2557 และ 70% ในปี 2558

ดังนั้น จึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยเชื่อว่าราคาหุ้นตอบรับข่าวคุณสรุยทธในเชิงลบมากเกินไปโดยลดลง 7% ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ BEC ยังคงมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วย High operating leverage มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตรา 4% และ ROE สูงถึง 59% นอกจากนั้น การปรับประมาณการและ Rollover ราคาเป้าหมายเป็นปี 2556 ทำให้ราคาเป้าหมายปรับเพิ่มจาก 53 บาท เป็น 64 บาท และปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน : อัตราการใช้เวลาโฆษณาที่หนาแน่นและการปรับขึ้นค่าโฆษณาจะทำให้ผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องใน Q3/55 และเติบโตดียิ่งขึ้นใน Q4/55 ซึ่งเป็นไฮซีซัน เรามีการปรับประมาณการขึ้นสะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาที่สูงกว่าคาด และ Rollover ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2556 ที่ 64 บาท ผลกระทบจากกรณีคุณสรยุทธอาจไม่แย่อย่างที่คาด ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนใน BEC ที่มีฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ROE 59% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4% เราจึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

คาดกำไร Q3/55 เติบโต 14% YoY: คาดกำไรลดลง 10% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เติบโต 14% YoY เป็น 1,123 ล้านบาท รายได้โฆษณาเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าโฆษณาหลายช่วงเวลา ได้แก่ 1) รายการนอกไพรม์ไทม์บางรายการปรับ 5-7% ตั้งแต่ต้นปี 2) ข่าว 3 มิติ และภาพยนตร์เกาหลี ปรับ 14% ตั้งแต่เดือน มี.ค. 3) เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ปรับ 12% ตั้งแต่เดือน ก.ค. และ 4) ละครช่วงเย็น (18.00-18.30 น.) ปรับ 10% ตั้งแต่เดือน ก.ย. ขณะที่อัตราการใช้เวลาโฆษณายังคงหนาแน่น

ปรับประมาณการสะท้อนแนวโน้มเติบโต : คาดกำไร Q4/55 เติบโตโดดเด่น YoY จากฐานต่ำในปีก่อนจากผลกระทบน้ำท่วม อีกทั้งได้รับผลบวกจากไฮซีซันและความต้องการซื้อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ช่อง 7 มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาเกือบทั้งผังรายการ ตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยรายการช่วงไพรม์ไทม์ ปรับขึ้นเฉลี่ย 5% และ รายการนอกไพรม์ไทม์ 7% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการโฆษณาที่หนาแน่น การเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาที่สูงกว่าคาดทำให้เราปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า 3% และ 5% ตามลำดับ โดยยังมีอัปไซด์ต่อประมาณการหากช่อง 3 ปรับค่าโฆษณาเช่นเดียวกับช่อง 7


กำลังโหลดความคิดเห็น