xs
xsm
sm
md
lg

EARTH ซื้อเหมือง 5 ปี 5 เหมืองดันรายได้แตะ 3 หมื่น ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ เปิดเผย 5 ปีลุยซื้อ และขุดเหมืองที่มีปริมาณสำรองถ่านหิน 40 ล้านตัน/เหมือง จำนวน 5 เหมือง พร้อมขยายตลาดขายปลีกกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า 5 ประเทศ จากไทย จีน อินโดนีเซีย อินเดีย และกัมพูชา หวังมีปริมาณสำรองถ่านหินแตะ 200 ล้านตันภายใน 5 ปี สามารถรองรับความต้องการลูกค้าได้นานถึง 10 ปี “ขจรพงศ์” ระบุ EARTH มีศักยภาพพร้อมลุยเต็มที่ ผนวกกับธุรกิจขยายตัวครบสูตรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ วางเป้าภายใน 5 ปี ได้เห็นรายได้โตแตะ 30,000 ล้านบาท

นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจตามแผน 5 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้ามียอดขายถ่านหินอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท/ปี ที่มาจากเหมืองของ EARTH เอง เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยการทยอยซื้อเหมืองแห่งใหม่เพิ่มรวมจำนวน 5 แห่ง เน้นเหมืองขนาดที่มีปริมาณสำรองถ่านหินประมาณ 40 ล้านตัน/เหมือง และแต่ละเหมืองจะมีกำลังการผลิตที่สามารถขุดได้ประมาณ 4 ล้านตัน/ ปี ซึ่งจะส่งผลทำให้ใน 5 ปีต่อจากนี้ EARTH จะมีปริมาณสำรองถ่านหินรวมทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านตัน และมีแหล่งถ่านหินสำรอง (Reserve) ที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้นานถึง 10 ปี

สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้ในการซื้อเหมือง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท/เหมือง โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และร่วมลงทุนกับลูกค้า ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าต่อกันโดยไม่ต้องใช้เงิน (บาร์เตอร์เทรด) ทำให้บริษัทไม่ต้องใช้กระแสเงินสดในการซื้ออุปกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เจรจาในหลักการกับลูกค้าโรงไฟฟ้าประเทศจีนไว้แล้ว หรือวิธีอื่นตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการหาแหล่งเงินทุนทั้งหมด

“การซื้อเหมืองต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้น เราจึงวางแผนซื้อเหมืองปีละ 1 เหมือง ในเบื้องต้น คาดว่าน่าจะได้เห็นเหมืองแห่งที่ 3 ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้ได้ส่งทีมงานเข้าไปทำการสำรวจ และมีความคืบหน้าไปมากแล้ว”

สำหรับในส่วนของปลายน้ำ จากเดิมที่จำหน่ายถ่านหินในลักษณะขายส่ง (Wholesale) ต่อไปจะเพิ่มสัดส่วนการขายปลีก (Retail) ในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไปให้มากขึ้น ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ถือเป็นการบริหาร และกระจายความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ถ่านหินที่ออกจากเหมืองของ EARTH เอง ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 20-25%

“ปัจจุบัน บริษัทมีศักยภาพในการบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี อันเนื่องมาจากเรามีเหมืองเป็นของตัวเอง และเป็นการผลิตสำเร็จรูปจากเหมืองของเราเอง ซึ่งสามารถขนส่งตรงมายังท่าเรือ และออกจากท่าเรือตรงไปยังลูกค้า จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเข้าโรงงาน มีผลให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเข้าโรงงาน และไม่มีต้นทุนการผลิตที่ซ้ำซ้อน ไม่มีฝุ่นเกิดขึ้นจากการผลิต ซึ่งจะทำให้ขายไม่ได้ราคา และไม่ต้องมีสต๊อกสินค้าในจำนวนที่มาก EARTH ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ เรามีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าไปยังประเทศจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และกัมพูชา ให้ครบ 5 ประเทศภายในระยะเวลา 5 ปี จึงทำให้เพิ่มมูลค่าถ่านหินได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และนับจากนี้ การดำเนินธุรกิจของ EARTH จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น” นายขจรพงศ์กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น