ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานปี 56 ระบุการมีงานทำเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนา เน้นส่งเสริมภาคเอกชน พัฒนาประสิทธิภาพ ชดเชยความเปราะบาง และสร้างความแข็งแกร่งให้สังคม
ธนาคารโลก (World Bank) เผยแพร่รายงานการพัฒนาโลกประจำปี 2556 เรื่อง งาน (The 2013 World Development Report on Jobs) ตอกย้ำบทบาทความเข้มแข็งของภาคเอกชนที่ทำให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยการสร้างงาน และกล่าวถึงประโยชน์ของงานที่มีต่อการพัฒนาสามารถกระตุ้นวงจรแห่งความรุ่งเรืองได้
รายงานนี้พบว่า หลังจากที่ทำการสำรวจ และสำมะโนกว่า 800 ตัวอย่าง ผู้จัดทำรายงานการพัฒนาโลกประเมินว่ามีประชากรที่มีงานทำกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก แต่เกือบครึ่งของจำนวนดังกล่าว ทำงานในภาคเกษตรกรรม ธุรกิจครัวเรือนขนาดเล็ก หรือเป็นแรงงานรายวันตามฤดูกาล หรือแรงงานชั่วคราวซึ่งมีโครงข่ายการคุ้มครองทางสังคมต่ำ หรือบางครั้งก็ไม่มีเลย และมีรายได้น้อย
นอกจากนี้ ยังพบว่าความยากจนจะลดลงเนื่องจากผู้คนต่างก็ทำงานเพื่อให้พ้นจากความยากลำบาก และงานช่วยเสริมให้ผู้หญิงมีอำนาจในการลงทุนเกี่ยวกับบุตรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ประสิทธิภาพยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ที่ทำงานสามารถทำได้ดีขึ้น งานที่มีผลิตภาพสูงมีจำนวนมากขึ้น ในขณะที่งานซึ่งมีผลิตภาพต่ำก็ค่อยๆ หายไป
นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมมือกับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้จ้างงานกว่าร้อยละ 90 ของตลาดแรงงาน จำเป็นต้องหาหนทางที่ดีที่สุดเพื่อช่วยการเจริญเติบโตของบริษัทขนาดเล็ก และเกษตรกรรม งานสามารถสร้างประเทศที่กำลังเปราะบางให้มั่นคงขึ้นได้
นายคอชีค บาซู รองประธานอาวุโส และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารโลก กล่าวว่า งานเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความยากจน และความเปราะบาง รัฐบาลสามารถมีบทบาทอย่างชัดเจนในการส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่จะเพิ่มพูนความต้องการด้านแรงงาน
รายงานฉบับนี้ระบุถึงแนวทางสามขั้นตอนเพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขั้นแรก พื้นฐานที่แข็งแกร่ง คือ มีความมั่นคงด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย ทุนมนุษย์ และหลักนิติธรรม
ขั้นที่สอง นโยบายด้านแรงงานไม่ควรเป็นอุปสรรคขัดขวางการสร้างงาน แต่ควรต้องเอื้อให้กลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดสามารถเข้าถึงความคุ้มครองทางสังคม และมีสิทธิมีเสียงแสดงความคิดเห็น ขั้นที่สาม รัฐบาลควรชี้เฉพาะว่างานชนิดใดที่จะส่งผลต่อการพัฒนามากที่สุดในบริบทของประเทศนั้นๆ และกำจัด หรือชดเชยให้แก่ภาคส่วนเอกชนที่เป็นผู้สร้างงานนั้น