คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ งวดสิ้นปีขาดทุน 8.74 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท หรือลดลง 107% เหตุค่าใช้จ่ายเพิ่ม อีกทั้งต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสูง
น.ส.ไต้ เวน ลี กรรมการ บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CEI แจ้งผลงานของบริษัทสำหรับปี 2555 สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 8.74 ล้านบาท แต่ในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 124.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน 133.08 ล้านบาท คิดเป็น 107.03%
สำหรับงวดนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมของบริษัท ลดลง 95.73 ล้านบาท คิดเป็น 49.53% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากยอดขายสุทธิ รายได้ค่าเช่า และดอกเบี้ยรับล้วนเพิ่มขึ้น 6.40 ล้านบาท ขณะกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน และเงินลงทุนลดลง เนื่องจากในปีก่อนบริษัทฯ ได้จำหน่ายที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างโรงงาน
ขณะต้นทุนสินค้าที่ขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายขาย และบริหารเพิ่มขึ้น 18.64 ล้านบาท คิดเป็น 56.60% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหารเพิ่มขึ้น ผลจากบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงอยู่ จะแจ้งให้ทราบต่อไป ส่วนโครงการอื่นๆ ของบริษัทฯ ขณะนี้ชี้แจงเงินให้กู้ยืม และความคืบหน้าของกิจการบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาโครงการต่างๆ เพื่อที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ และผลกำไรเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงน้อยที่สุดอย่างระมัดระวัง
น.ส.ไต้ เวน ลี กรรมการ บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CEI แจ้งผลงานของบริษัทสำหรับปี 2555 สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 8.74 ล้านบาท แต่ในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 124.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน 133.08 ล้านบาท คิดเป็น 107.03%
สำหรับงวดนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมของบริษัท ลดลง 95.73 ล้านบาท คิดเป็น 49.53% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากยอดขายสุทธิ รายได้ค่าเช่า และดอกเบี้ยรับล้วนเพิ่มขึ้น 6.40 ล้านบาท ขณะกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน และเงินลงทุนลดลง เนื่องจากในปีก่อนบริษัทฯ ได้จำหน่ายที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างโรงงาน
ขณะต้นทุนสินค้าที่ขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายขาย และบริหารเพิ่มขึ้น 18.64 ล้านบาท คิดเป็น 56.60% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหารเพิ่มขึ้น ผลจากบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงอยู่ จะแจ้งให้ทราบต่อไป ส่วนโครงการอื่นๆ ของบริษัทฯ ขณะนี้ชี้แจงเงินให้กู้ยืม และความคืบหน้าของกิจการบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาโครงการต่างๆ เพื่อที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ และผลกำไรเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงน้อยที่สุดอย่างระมัดระวัง