ชัยวัฒนาฯ ตั้งโรงฟอกในกัมพูชา

ชัยวัฒนาฯ เตรียมร่วมพันธมิตรอเมริกา ตั้งโรงงานฟอกหนังแห่งแรกในกัมพูชา คาด 1 เดือนชัดเจนเซ็นสัญญา ใช้เวลาสร้างโรงงานเสร็จภายใน 3 เดือน “ผู้บริหาร” แจงขณะนี้มีผู้ผลิตรถยนต์ 2 รายสนใจร่วมทำธุรกิจ คาดสรุปปีหน้า มั่นใจภายใน 3 ปี รายได้แตะ 2 พันล้านบาท คาดปีนี้มากกว่า 1.2 พันล้านบาท จากมีออเดอร์จำนวนมาก

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรชาวอเมริกัน ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตของเล่นสัตว์ในประเทศกัมพูชา เพื่อจัดตั้งโรงงานฟอกหนังแห่งแรกในประเทศกัมพูชา โดยเป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 51% โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโรงงานฟอกหนังจะมีกำลังการผลิต 2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน ซึ่งมีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของอาเซียน

โดยบริษัทคาดว่าภายใน 1 เดือนน่าจะมีความชัดเจนในเรื่องความชัดเจนเรื่องใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และเรื่องการเซ็นสัญญา และหลังจากนั้น จะใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานประมาณ 3 เดือน โดยประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับ คือ สิทธิประโยชน์ทางส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของทางรัฐบาลกัมพูชา ภาษีในเรื่องการส่งออกสินค้าจากกัมพูชาไปยังประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพราะการไปลงทุนครั้งนี้ทางรัฐบาลกัมพูชาเชิญชวนให้เข้าไปตั้งโรงงาน นอกจากบริษัทจะมีต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศไทย และแหล่งวัตถุดิบ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย และต้องการจะขยายฐานการผลิตในประเทศในแถบอาเซียน จะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัท โดยคาดว่าพันธมิตร 2 รายนั้นจะสรุปได้ในต้นปีหน้า เพราะต้องการดีลที่กัมพูชาเสร็จก่อน

อย่างไรก็ดี จากการที่บริษัทจะมีพันธมิตรเข้าใหม่ จะทำให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาวจากที่พันธมิตรที่จะเข้ามานั้น มีคำสั่งซื้อสินค้าขนาดใหญ่ และบริษัทบริษัทเองมีผลการดำเนินงานที่เติบโต จากที่บริษัทจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การทำถุงยางอนามัย ฯลฯ จากปัจจุบันที่บริษัทมีการจำหน่าย 4 สินค้า ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ฟอก และบริการฟอกหนัง 2.ผลิตภัณฑ์ของเล่นสัตว์ 3.ผลิตภํณฑ์เฟอร์นิเจอร์หนัง และ 4.เบาะหนัง และชิ้นส่วนรถยนต์

นายวีระพล คาดว่าภายใน 3 ปี บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทคาดรายได้จะเติบโตมากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านบท เนื่องจาก ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก เพราะยอดขายรถยนต์ในปีนี้มีการเติบโตที่สูง โดยมีรถที่ยังไม่มีการส่งมอบจำนวนมาก จากที่รัฐบาลมีนโยบายให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรถยนต์คันแรก โดย 6 เดือนแรกบริฒัทมีรายได้ 555 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 31.59 ล้านบาท