ปตท. เปิดแผนลงทุนน้ำมัน “กัมพูชา-ลาว” เตรียมควักเม็ดเงินอีก 800 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจปั๊มเพิ่ม ภายใน 5 ปี “อารักษ์” เตรียมบินประชุม “พลังงาน” อาเซียนปลายเดือนนี้ ขณะที่ “ช.การช่าง” โกยเงินอื้อรับปีทอง ประมูลงานภาครัฐ-โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางด่วน โรงไฟฟ้า กิจการสื่อสาร และโครงสร้างระบบน้ำ คาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้าน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เตรียมงบลงทุน 800 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมันทั้งขนาดมาตรฐาน และที่เป็นขนาดใหญ่แบบครบวงจร ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และกัมพูชา ประเทศละ 4-5 แห่ง ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า
สำหรับแผนการลงทุนนั้น ปตท. จะลงทุนผ่านบริษัทลูกที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ 100% ปัจจุบัน ปตท.มีสถานีน้ำมันในกัมพูชา 14 แห่ง พร้อมด้วยคลังน้ำมัน 3 แห่ง ซึ่ง ปตท.จะมียอดขายน้ำมันทุกชนิดในทั้ง 2 ประเทศที่ 180 ล้านลิตรต่อปี หรือ 4,500 ล้านบาทต่อปี
“การขยายการลงทุนของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในกัมพูชา และลาว เพื่อเป็นการรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่จะมีการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของ ปตท.ที่จะสร้างการยอมรับในแบรนด์สินค้าของประเทศเพื่อนบ้าน โดยแบรนด์ ปตท.ถือเป็นพรีเมียมแบรนด์ในสายตาของผู้บริโภคที่กัมพูชา ซึ่งการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่กัมพูชาถือเป็นการสร้างความคุ้นเคยในการทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น ก่อนที่ ปตท.จะมีธุรกิจอื่นๆ ตามเข้ามาลงทุนอีกในอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาล”
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเสริมว่า ในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 30 ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 10-13 กันยายน 2555 จะะมุ่งเน้นหารือพลังงานสีเขียวเป็นหลัก โดยไทยพยายามผลักดันให้อาเซียนใช้มาตรฐานพลังงานทดแทนระดับเดียวกัน
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า บริษัทได้คาดการณ์รายได้ในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีการประมูลงานใหม่หลายงาน ทั้งทางด่วน โรงไฟฟ้า กิจการสื่อสาร และโครงสร้างระบบน้ำของรัฐบาล วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท
“บริษัทฯ กำลังจะเซ็นสัญญาก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มูลค่าก่อสร้าง 2.25 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 3 หมื่นล้านบาท และเตรียมยื่นซองประมูลโครงการวางรางรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือนตุลาคมนี้ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะชนะประมูลเนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าก่อสร้างได้ทันที”
นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2555 บริษัทจะมี Backlog อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจากสถานการณ์การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เชื่อว่างานภาครัฐจะเริ่มทยอยออกมาให้ภาคเอกชนประมูลมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และปีหน้า และมั่นใจว่า ช.การช่าง จะได้รับงานจากภาครัฐมากขึ้น