ช.การช่าง สบช่องตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์รับโฮลดิ้ง คอมปานี ดัน “ซีเค พาวเวอร์” เข้าระดมทุน คาดเทรดได้ปลายปีนี้ ผู้บริหารหวังนำเงินระดมทุนลุยธุรกิจพลังงานในประเทศเพื่อนบ้านต่อ ส่วนธุรกิจหลัก เชื่อทั้งปีรายได้-กำไรมากกว่าปีก่อน พร้อมโชว์ Backlog 1.2 แสนล้านบาทสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง ฟากตลาดหุ้นระบุหลายธุรกิจสนใจใช้วิธีนี้เข้าระดมทุน ชี้เป็นโอกาสดีของนักลงทุนไทยในการกระจายความเสี่ยง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด กล่าวภายหลังพิธีลงนามแต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ จำกัด และบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า การนำ ซีเค พาวเวอร์ ซึ่งเป็น โฮลดิ้ง คอมปานี ที่มีธุรกิจหลักในต่างประเทศ คือ เขื่อนไฟฟ้าน้ำงึม 2 เข้าจดทะเบียน ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ สอดคล้องกับโอกาสในการเปิดการค้าเสรีที่จะมาถึง ซึ่งจะช่วยทำให้ธุรกิจไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีศักยภาพมากขึ้น ในการขยายธุรกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจ และนักลงทุนก็จะได้ประโยชน์จากการมีโอกาสเข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้น นับเป็นอีกช่องทางการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจ
สำหรับเขื่อนน้ำงึม 2 ตั้งอยู่ในประเทศ สปป.ลาว มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ 615 เมกะวัตต์ เพื่อขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ถือหุ้นโดย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 88% ซึ่งคาดว่าจะมีการนำหุ้นที่ถืออยู่ประมาณ 20% ออกมาเสนอขาย
“จำนวนหุ้นที่จะนำมาเสนอขายนักลงทุนขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดได้ ต้องรอให้ที่ปรึกษาเข้ามำดำเนินการก่อน คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้ประมาณช่วงปลายปีนี้ โดยเงินที่ได้รับจากการระดมทุน เราจะนำไปใช้ลงทุนในโครงการพลังงานไฟฟ้าโครงการใหม่ เช่น โครงการพลังไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โครงการโรงไฟฟ้าโครเจน รวมทั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ ทั้งใน สปป.ลาว สหภาพพม่า และเวียดนามต่อไป”
ช.การช่าง มาร์จิ้นพุ่ง-รายได้ทะลุปีก่อน
ส่วนภาพรวมผลดำเนินงานของ บมจ.ช.การช่าง (CK) นั้น นายปลิว กล่าวว่า เชื่อว่า ภาพรวมในครึ่งปีหลังรายได้ของบริษัทจะมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีอยู่ 8,000 ล้านบาท และมากกว่าปี 2554 ที่อยู่ในระดับ 15,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับเป้าประมาณการรายได้และกำไร โดยเป้ารายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2555 บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยได้อีก (บริษัท ซีเค พาวเวอร์)
“ตอนนี้เรามีมูลค่างานในมือ 120,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปอีก 3-4 ปี ส่วนมาร์จิ้นก็ดีขึ้นจาก 4-5% มาอยู่ที่ 9-10% เพราะเรามีการควบคุมที่ดีขึ้น อีกทั้งในครึ่งปีหลัง เราจะมีการเข้าไปประมูลด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท”
หลายบริษัทสนใจเข้า ตลท.หลังปรับเกณฑ์โฮลดิ้ง
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับบริษัท โฮลดิ้ง คอมปานี ที่มีธุรกิจหลักในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 กันยายนนี้ เพื่อเป็นการสานต่อโอกาสให้ธุรกิจไทยที่ลงทุนในต่างประเทศ สามารถระดมทุนจากตลาดทุนไทยเพื่อไปขยายกิจการให้เติบโตได้ยิ่งขึ้น
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า การนำ บริษัท ซี เค พาวเวอร์ เข้ามาจดทะเบียน โดยผ่านหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว ถือเป็นช่องทางการระดมทุนช่องทางใหม่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ซึ่งมีหลายธุรกิจที่ดำเนินการในลักษณะนี้ แสดงความสนใจเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยวิธีแบบนี้
ขณะเดียวกัน ในแง่ของบริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในไทย ก็มองเห็นเรื่องนี้เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยการเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหุ้นไทย และนำเงินไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ส่วนนักลงทุนอยากให้มองว่านี่คือโอกาสในการลงทุนช่องทางใหม่ที่น่าสนใจ และถือเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง เพราะเป็นการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่รู้จัก และเข้าใจในธุรกิจที่ลงทุน
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด กล่าวภายหลังพิธีลงนามแต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ จำกัด และบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า การนำ ซีเค พาวเวอร์ ซึ่งเป็น โฮลดิ้ง คอมปานี ที่มีธุรกิจหลักในต่างประเทศ คือ เขื่อนไฟฟ้าน้ำงึม 2 เข้าจดทะเบียน ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ สอดคล้องกับโอกาสในการเปิดการค้าเสรีที่จะมาถึง ซึ่งจะช่วยทำให้ธุรกิจไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีศักยภาพมากขึ้น ในการขยายธุรกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจ และนักลงทุนก็จะได้ประโยชน์จากการมีโอกาสเข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้น นับเป็นอีกช่องทางการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจ
สำหรับเขื่อนน้ำงึม 2 ตั้งอยู่ในประเทศ สปป.ลาว มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ 615 เมกะวัตต์ เพื่อขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ถือหุ้นโดย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 88% ซึ่งคาดว่าจะมีการนำหุ้นที่ถืออยู่ประมาณ 20% ออกมาเสนอขาย
“จำนวนหุ้นที่จะนำมาเสนอขายนักลงทุนขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดได้ ต้องรอให้ที่ปรึกษาเข้ามำดำเนินการก่อน คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้ประมาณช่วงปลายปีนี้ โดยเงินที่ได้รับจากการระดมทุน เราจะนำไปใช้ลงทุนในโครงการพลังงานไฟฟ้าโครงการใหม่ เช่น โครงการพลังไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โครงการโรงไฟฟ้าโครเจน รวมทั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ ทั้งใน สปป.ลาว สหภาพพม่า และเวียดนามต่อไป”
ช.การช่าง มาร์จิ้นพุ่ง-รายได้ทะลุปีก่อน
ส่วนภาพรวมผลดำเนินงานของ บมจ.ช.การช่าง (CK) นั้น นายปลิว กล่าวว่า เชื่อว่า ภาพรวมในครึ่งปีหลังรายได้ของบริษัทจะมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีอยู่ 8,000 ล้านบาท และมากกว่าปี 2554 ที่อยู่ในระดับ 15,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับเป้าประมาณการรายได้และกำไร โดยเป้ารายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2555 บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยได้อีก (บริษัท ซีเค พาวเวอร์)
“ตอนนี้เรามีมูลค่างานในมือ 120,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปอีก 3-4 ปี ส่วนมาร์จิ้นก็ดีขึ้นจาก 4-5% มาอยู่ที่ 9-10% เพราะเรามีการควบคุมที่ดีขึ้น อีกทั้งในครึ่งปีหลัง เราจะมีการเข้าไปประมูลด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท”
หลายบริษัทสนใจเข้า ตลท.หลังปรับเกณฑ์โฮลดิ้ง
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับบริษัท โฮลดิ้ง คอมปานี ที่มีธุรกิจหลักในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 กันยายนนี้ เพื่อเป็นการสานต่อโอกาสให้ธุรกิจไทยที่ลงทุนในต่างประเทศ สามารถระดมทุนจากตลาดทุนไทยเพื่อไปขยายกิจการให้เติบโตได้ยิ่งขึ้น
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า การนำ บริษัท ซี เค พาวเวอร์ เข้ามาจดทะเบียน โดยผ่านหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว ถือเป็นช่องทางการระดมทุนช่องทางใหม่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ซึ่งมีหลายธุรกิจที่ดำเนินการในลักษณะนี้ แสดงความสนใจเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยวิธีแบบนี้
ขณะเดียวกัน ในแง่ของบริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในไทย ก็มองเห็นเรื่องนี้เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยการเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหุ้นไทย และนำเงินไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ส่วนนักลงทุนอยากให้มองว่านี่คือโอกาสในการลงทุนช่องทางใหม่ที่น่าสนใจ และถือเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง เพราะเป็นการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่รู้จัก และเข้าใจในธุรกิจที่ลงทุน
