อินโดรามา เวนเจอร์ เผยอีก 4 ปีข้างหน้า โกยรายได้แตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟุ้งเติบโต 2 เท่าทุก 5 ปี เร่งลดต้นทุนผลิต ซื้อโรงงานใกล้แหล่งวัตถุดิบลดค่าขนส่ง ปรับปรุงคุณภาพการผลิต และผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่ม สร้างความหลากหลายสนองความต้องการลูกค้า หลังราคา PTA ตกต่ำ สเปรดวูบ ฉุดตัวเลข EBITDA ดันรายได้สินค้าเพิ่มมูลค่าจาก 7% เป็น 15% ใน 5 ปีข้างหน้า เล็งสร้างโรงงานในอินเดีย เชื่อตลาดเติบโตสูง พร้อมโยกไลน์ผลิตไปประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยแผนงานเบื้องต้นในอีก 4 ปีข้างหน้าระหว่าง ปี 57-60 ว่ามีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้แตะระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่มีรายได้ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วหนึ่งเพราะแผนที่เดินตามเป้าหมาย และในปี 57 บริษัทก็จะมีการลงทุนในแผนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มจากแผนเดิมที่ลงไป อีกทั้งการปรับระบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผนงานที่ชัดเจนของบริษัทจะสรุปชัดเจนอีกครั้งปลายปี 56
โดยเบื้องต้น มีแผนจะเข้าไปสร้างโรงงานในอินเดีย คาดกำลังการผลิตสูงถึง 1.5 ล้านตัน เพราะมองว่าอินเดียเป็นตลาดใหญ่มาก และแนวโน้มอัตราการเติบโตสูง และยังสามารถส่งสินค้าไปขายในตะวันออกกลาง บราซิล และละตินอเมริกาได้ด้วย ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเงินทุนที่จะใช้ลงทุนในอินเดีย พร้อมกับจะย้ายสินค้าที่เป็น commodity ทั้งหมดไปไว้ที่อินโดนีเซีย เพราะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และยังมีสิทธิบัตรทำให้ประหยัดเรื่องการจ่ายภาษี ที่สำคัญการผลิตโพลีเอสเตอร์ที่อินโดนีเซียมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าในไทยเพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนอกจากนี้ ยังจะย้ายส่วนงานวิจัยและพัฒนา จากอเมริกามาไว้ที่ไทยด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่อาจประเมินค่าใช้จ่ายในแผนการดำเนินงานที่กล่าวมาในข้างต้นได้ชัดเจน
ก่อนหน้านี้ นายอาลก เคยกล่าวไว้ว่า IVL จะหยุดการลงทุนและแผนการซื้อกิจการเพิ่มเติม แต่มั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะเป็นไปตามแผนงานเดิม และยังเปิดโอกาสที่จะศึกษาธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจและต่อยอดธุรกิจเดิมที่มี ล่าสุด IVL ได้ก่อสร้างโรงงานรีไซเคิล จังหวัดดนครปฐม ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องผลิตได้ในปีนี้ และคาดว่าจะทำเงินให้แก่บริษัทแม่ได้อย่างงามในอนาคต ขณะที่การผลิต PTA และ MEG นั้น ยังเดินหน้าต่อไปแม้ว่าราคาจะตกลงบ้าง แต่สินค้าทั้งสองอย่างยังจำเป็นต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากสเปรด PTA จะลดลงจาก 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 54 เหลือ 77 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในไตรมาส 2 ปี 55 นี้ เพราะราคาตกต่ำ ขณะสเปรดที่เหมาะสมควรอยู่ระดับ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
“เราจะเติบโต 2 เท่าในทุก 5 ปี และอาจไปถึง 3 เท่า หลังจากทุกอย่างที่ลงทุนไปสร้างเม็ดเงิน และกำไรเข้ามาตามแผน และเหตุผลหนึ่งของการซื้อกิจการในต่างประเทศหลายแห่งเพราะเราต้องการอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบเพื่อที่จะสามารถผลิต และส่งกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าในแถบนั้นๆ ตามความต้องการ เป็นการลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างดี และวัตถุดิบก็หาซื้อง่ายแถมราคาไม่แพง รวมทั้งผลิตสินค้าที่เพิ่มมูลค่า อันจะทำให้ตัวเลขรายได้ และกำไรเติบโตตามแผน ส่งผลให้งบการเงินเราแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง”
นายอาลกกล่าวต่อว่า การผลิตสินค้าก็ต้องทำให้มีกำไรสูงสุด และเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อลดต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่ง และเหตุผลที่สำคัญคือ ต้องเน้นการผลิตสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าประเภทเพิ่มมูลค่า อย่างเช่นการผลิตขวดเพทที่มีฝาจับ ซี่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีมูลค่าเพิ่มสูงจากขวดทั่วไป ซึ่ง IVL ตั้งเป้าการเติบโตของสินค้าชนิดนี้จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% เป็น 15% ในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วย และเหล่านั้นคือเป้าหมายหลักที่ IVL มุ่งเน้น หวังเม็ดเงินทั้งรายได้ และกำไรเข้าสู่บริษัทและเติบโตได้ตามเป้า
ขณะที่ตัวเลข EBITDA ของ IVL สิ้นไตรมาส 2 ปี 54 อยู่ที่ 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดจากสิ้นปี 54 ซึ่งอยู่ที่ 552 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโรงงานใหม่เพื่อผลิต PET ที่ลพบุรีเกิดน้ำท่วมต้องใช้งบปรับปรุงถึง 2,400 ล้านบาท ประกอบกับราคา PTA ตกต่ำ ส่งผลให้ตัวเลขดังกล่าวของบริษัทลดลง
สำหรับเม็ดเงินลงทุนปีนี้ที่เหลืออีก 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงบลงทุนทั้งสิ้น 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 4 ปี ซึ่ง IVL จะใช้ขยายกำลังการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษที่ระยอง ขยายกำลังการผลิต PTA-PET ที่รอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ขยายกำลังการผลิตไฟเบอร์ชนิดพิเศษ และ PET ที่อินโดนีเซีย ในปี 56 หลังจากโรงงาน PET ที่ไนจีเรีย และจีนเพิ่งแล้วเสร็จ รวมถึงโรงงานผลิต PET ในโปแลนด์ด้วย