มิลล์คอนสตีล ประกาศผลงานครึ่งปีแรกกำไรงาม “สิทธิชัย” เชื่อมั่นแนวโน้มปีนี้ยังสดใสต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากโครงการ Green MILL เต็มๆ ดันรายได้จากการขายเหล็กทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ผลงานครึ่งปีพุ่ง 16.5% แตะ 8,930 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจาก 5% สู่ระดับ 7.4% พร้อมเปลี่ยนระบบโปรแกรมซอฟต์แวร์บัญชีใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและรองรับการขยายงานในอนาคต ฟุ้งปีนี้อาจจะเป็นปีที่มีกำไรมากสุดนับแต่ก่อตั้งมา
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ระบบ โปรแกรมซอฟต์แวร์บัญชีใหม่เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสามารถรองรับการขยายงานในอนาคต พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มความรวดเร็ว และโปร่งใสในการจัดทำงบการเงินในอนาคต จึงเป็นเหตุให้ MILL นำส่งงบการเงินล่าช้าในไตรมาสนี้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดครึ่งปีแรกนี้ ปรากฎว่า มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มมากขึ้น โดยมีกำไรสุทธิ 151.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนทั้งปี ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 111.70 ล้านบาท และ EBITDA ครึ่งปีแรกของปี 2555 อยู่ที่ 507.3 ล้านบาท ส่วนปี 2554 ทั้งปีอยู่ที่ 606.6 ล้านบาท
นอกเหนือจากการปรับมาใช้ระบบซอฟต์แวร์ใหม่แล้ว ปัจจัยหลักสำคัญอีกประการที่ทำให้ผลประกอบการของ MILL โดดเด่นอย่างมาก มาจาก Green Mill Project ซึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว และผลิตได้ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายเหล็กทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 16.5% อยู่ที่ 8,930 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนั้น อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 7.4% เนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่อง ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนต่อขนาดได้สูงขึ้น รวมทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนจากการผลิตจากการวางแผนการออกแบบการก่อสร้างโรงงานผลิต Billet และโรงงานเหล็กเส้นที่ระยองให้เชื่อมต่อกัน สามารถให้การผลิต Billet ต่อเนื่องไปผลิตเหล็กเส้นได้ทันที ส่งผลให้ต้นทุนการใช้พลังงานลดลง ความสามารถในการทำกำไรบริษัทเพิ่มขึ้น
“ภาวะตลาดเหล็กในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ความต้องการเหล็ก (Demand) ในประเทศอยู่ที่ 7.9 ล้านตันเติบโตขึ้น 7% ซึ่งถือว่าภาวะอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศขณะนี้มีการตื่นตัวแตกต่างจากภาพของอุตสาหกรรมเหล็กโลก โดยเฉพาะในภาคก่อสร้างที่ได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง เป็นต้น พร้อมกับความต้องการใช้เหล็กในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วย และจากการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับการปรับระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายการทำกำไรของ MILL ในปีนี้จะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
โดยแนวโน้มของตลาดเหล็กในช่วงครึ่งปีหลัง ประเมินว่า การบริโภคเหล็กในประเทศยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นแต่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง และปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อุตสาหกรรมก่อสร้างยานยนต์ และเครื่องจักรกลซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ ที่มีการใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบในการผลิต ส่วนแนวโน้มราคาเหล็กในปีนี้ อาจจะมีความผันผวนบางเล็กน้อย โดยในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค.2555 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม MILL มีนโยบายบริหารความเสี่ยงด้วยนโยบายการบริหารสินค้าคงเหลือด้วยความระมัดระวัง และไม่เก็งกำไรจากความผันผวนของราคา ทั้งนี้ คาดว่าการบริโภคเหล็กในปี 2555 นี้จะอยู่ที่ 16.5 ล้านเมตริกตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีปริมาณการบริโภค 14.7 ล้านเมตริกตัน