เถ้าแก่น้อย เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปี 56 คาดระดมทุน 600-700 ล้านบาท หวังนำเงินขยายกำลังการผลิต -คลังสินค้า พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยอดขาย 5 พันล้านบาท ผู้บริหารเผยปีนี้ยอดขาย 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 27% จากปีก่อน 2 พันล้านบาท
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์ มาร์เกตติ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในช่วงกลางปี 2556 โดยบริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์หุ้น) ละ 10 บาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะระดมทุนจำนวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต สร้างคลังสินค้า มีแผนที่จะสร้าง 2 แห่ง ที่ภาคเหนือ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นที่ลำพูน หรือกำแพงเพชร และ ภาคใต้ พิจารณาอยู่ว่าจะเป็นระนอง หรือสุราษฎร์ธานี
“เดิมบริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเจอปัญหาน้ำท่วมทำให้บริษัทมีการชะลอแผนเข้าจดทะเบียนออกไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตัว และบริษัทมองว่าหากเข้าจดทะเบียนแล้วอยากเข้าจดทะเบียนใน SET ไปเลย เพราะในตลาด SET นั้นเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน และบริษัทมีขนาดมาร์เกตแคปที่ใหญ่ประมาณ 2 พันล้านบาท และยิ่งอนาคตมี AEC ก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตมากขึ้น” นายอิทธิพัทธ์กล่าว
บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายจะโตประมาณ 27% หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะมีการขยายการส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่าให้มากขึ้นจากปัจจุบัน จากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง
สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจำนวน 27 ประเทศ โดยส่วนใหญ่ในประเทศแถบเอเชีย และมีการส่งออกไปยุโรปบ้างยังไม่มาก สำหรับสัดส่วนยอดขายปัจจุบันส่งออกต่างประเทศ 50% และจำหน่ายในประเทศ 50%
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์ มาร์เกตติ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในช่วงกลางปี 2556 โดยบริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์หุ้น) ละ 10 บาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะระดมทุนจำนวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต สร้างคลังสินค้า มีแผนที่จะสร้าง 2 แห่ง ที่ภาคเหนือ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นที่ลำพูน หรือกำแพงเพชร และ ภาคใต้ พิจารณาอยู่ว่าจะเป็นระนอง หรือสุราษฎร์ธานี
“เดิมบริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเจอปัญหาน้ำท่วมทำให้บริษัทมีการชะลอแผนเข้าจดทะเบียนออกไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตัว และบริษัทมองว่าหากเข้าจดทะเบียนแล้วอยากเข้าจดทะเบียนใน SET ไปเลย เพราะในตลาด SET นั้นเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน และบริษัทมีขนาดมาร์เกตแคปที่ใหญ่ประมาณ 2 พันล้านบาท และยิ่งอนาคตมี AEC ก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตมากขึ้น” นายอิทธิพัทธ์กล่าว
บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายจะโตประมาณ 27% หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะมีการขยายการส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่าให้มากขึ้นจากปัจจุบัน จากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง
สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจำนวน 27 ประเทศ โดยส่วนใหญ่ในประเทศแถบเอเชีย และมีการส่งออกไปยุโรปบ้างยังไม่มาก สำหรับสัดส่วนยอดขายปัจจุบันส่งออกต่างประเทศ 50% และจำหน่ายในประเทศ 50%