วินเทจ วิศวกรรม แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้กำไรลดลงเหลือ 7.13 ล้านบาท จากงวดนี้ปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเกือบ 19 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 138% เหตุค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ตลอดจนต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (GP) ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการขาดแคลนแรงงาน และมีการปรับค่าแรงสูงขึ้น
นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการตามมติที่ประชุม คณะกรรมการบริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.62 ล้านบาทหรือลดลง 25.75 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 138.29% ครั้งที่ 9/2555 วันที่ 24 สิงหาคม 2555 ได้อนุมัติงบการเงินประจำปี 2555 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 มีผลกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรสุทธิ ประจำปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีผลกำไร 18.62 ล้านบาท ลดลง 11.49 ล้านบาท คิดเป็น 61.68% เมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิในงวดเดียวกัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GP) ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการขาดแคลนแรงงาน และมีการปรับค่าแรงสูงขึ้น
โดยเหตุที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ พบว่า บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.83 ล้านบาท เกิดจากค่าใช้จ่ายคือมีการตั้งสำรองหนี้สูญของโครงการสำหรับปี 2555 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 11.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นของโครงการ The Cove 10.22 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นส่วนของงานบริหารอาคาร 1.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งตามนโยบายบัญชีในการตั้งสำรองหนี้สูญในส่วนของลูกหนี้การค้า อีกทั้งบริษัทได้บันทึกประมาณการค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในคดีฟ้องร้อง ระหว่างบริษัทฯ กับ บจ.ภานุรุจ พัฒนา 2.84 ล้านบาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางด้านการเงินเพิ่มขึ้น 4.74 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการขยายวงเงินกู้ และอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการตามมติที่ประชุม คณะกรรมการบริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.62 ล้านบาทหรือลดลง 25.75 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 138.29% ครั้งที่ 9/2555 วันที่ 24 สิงหาคม 2555 ได้อนุมัติงบการเงินประจำปี 2555 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 มีผลกำไรสุทธิ 7.13 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรสุทธิ ประจำปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีผลกำไร 18.62 ล้านบาท ลดลง 11.49 ล้านบาท คิดเป็น 61.68% เมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิในงวดเดียวกัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GP) ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการขาดแคลนแรงงาน และมีการปรับค่าแรงสูงขึ้น
โดยเหตุที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ พบว่า บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.83 ล้านบาท เกิดจากค่าใช้จ่ายคือมีการตั้งสำรองหนี้สูญของโครงการสำหรับปี 2555 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 11.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นของโครงการ The Cove 10.22 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นส่วนของงานบริหารอาคาร 1.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งตามนโยบายบัญชีในการตั้งสำรองหนี้สูญในส่วนของลูกหนี้การค้า อีกทั้งบริษัทได้บันทึกประมาณการค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในคดีฟ้องร้อง ระหว่างบริษัทฯ กับ บจ.ภานุรุจ พัฒนา 2.84 ล้านบาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางด้านการเงินเพิ่มขึ้น 4.74 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการขยายวงเงินกู้ และอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน