xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์ อินเตอร์ฯ คาดกำไรปีนี้นิวไฮต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไมเนอร์ อินเตอร์ฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้นิวไฮต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 2.8 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรก 55 มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลังน่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก “ผู้บริหาร” มั่นใจปีหน้ากำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าปีนี้ ผลดีอัตราเข้าพัก-ราคาห้องปรับตัวสูงขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งงบลงทุนปีหน้า 3-4 พันล้านบาทในธุรกิจเดิม ตั้งงบอีก 1-1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อกิจการ-ทำธุรกิจใหม่ช่วง 5 ปี

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,800 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ผลประกอบการน่าจะใกล้เคียงกับช่วงครึ่งแรก ผลดีจากธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตเพราะอัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 70% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่ 65% เหตุจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และบริษัทมีแผนที่จะปรับราคาห้องเฉลี่ยต่อคืนประมาณ 0-5% ในช่วงครึ่งหลัง ผลจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีความสามารถปรับราคาได้ ประกอบกับธุรกิจอาหารมีการเติบโตมากขึ้น จากยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก และปีนี้ จะเปิดสาขาร้านอาหารเพิ่ม โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว จำนวน 16 สาขา

“ในปีที่ผ่านมา แม้จะมีปัญหาน้ำท่วม บริษัทมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุด และปีนี้ไม่มีน้ำท่วมเชื่อว่าน่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง เพราะครึ่งปีทำได้แล้ว 1,600 ล้านบาท คาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง 55 จะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกแม้ไตรมาส 2 และ 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิตโรงแรม ซึ่ง 5 ปีเฉลี่ยที่ผ่านมา กำไรสุทธิเฉลี่ย โต 22% ขณะที่ 10 ปีที่ผ่านมา กำไรเติบโตเฉลี่ย 20%” นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการวางเป้าหมายการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย 5 ปี (2555-2559) ปีละ 15-20% โดยปี 56 บริษัทคาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทมีการเติบโตสูงผลจากการปรับราคาห้องเฉลี่ยต่อคืนมากกว่า 5% เพราะอัตราการเข้าพักโรงแรมจะสูงขึ้นทำให้บริษัทมีอำนาจในการขึ้นราคาห้องพักได้ และรับรู้กำไรจากโครงการเซ็นต์ รีจีส เรสซิเดนซ์ และโครงการอนันตรา วาเคชั่น คลับนันมีกำไร และมีรายได้ธุรกิจห้องพักมาเสริม ขณะที่ร้านอาหารมีการเติบโตจากสาขาเดิม จากการบริโภคที่มากขึ้น และมีการเปิดสาขาเพิ่ม นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเพิ่มธุรกิจใหม่มากขึ้นในการเข้าไปซื้อกิจการสร้างแบรนด์เอง

สำหรับปีหน้า บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนจำนวน 3,000-4,000 ล้านบาท ในการลงทุนธุรกิจเดิมที่มีอยู่ และมีวงเงินอีก 10,000-12,000 ล้านบาท ที่จะใช้ในช่วง 5 ปี นี้ ในการซื้อกิจการ และลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยจะเป็นแถบที่บริษัทมีการทำธุรกิจอยู่แล้ว เช่น แอฟริกา เอเชีย อินโดจีน นิวซีแลนด์ อินเดีย ศรีลังกา โดยแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้นั้นก็จะมาจากกระแสเงินแต่ละปีที่ 3,000-4,000 ล้านบาท และวงเงินกู้จากสถาบันการเงินที่มี 15,000 ล้านบาท และยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์)ที่จะทยอยใช้สิทธิถึงปีหน้า ประมาณ 4,200 ล้านบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น