ไทยพาณิชย์ปรับกลยุทธ์รุกเอสเอ็มอี แบ่งเซกเมนต์ลูกค้าเจาะเป็นรายกลุ่ม พร้อมขายพ่วงผลิตภัณฑ์-ซัปพลาย เชน มั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตได้ตามเป้า 20% ระบุวิกฤตยุโรปเริ่มส่งผลปีหน้าชัด ต้องจับตาใกล้ชิด
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังของปีนี้นั้น ธนาคารจะเน้นการเจาะลูกค้าเป็นรายกลุ่ม เพื่อให้เข้าใจความต้องการลูกค้าแต่ละช่วงธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเริ่มต้นธุรกิจ ขยายธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งแต่จะกลุ่มจะมีความต้องการต่างกัน รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า และซัปพลาย เชน อย่างครบครันด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของธนาคาร เช่น สินเชื่อบุคคล ประกันฯ เป็นต้น พร้อมกันนั้น ก็จะยังคงความเข้มข้นในการบริหารความเสี่ยงต่อไป
“เรารู้สึกว่าในส่วนของผลิตภัณฑ์นั้นค่อนข้างอิ่มตัว มีครอบคลุมแล้ว จึงเจาะในรายละเอียดมากขึ้น คือ แบ่งลูกค้าเป็นรายกลุ่มเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการ และนำเสนอในสิ่งที่เขาต้องการต่อไป”
สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี มียอดสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับปลายปี 2554 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดที่อยู่ในระดับ 5% โดยมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 240,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารมั่นใจว่า ณ สิ้นปี สินเชื่อจะอยู่ในระดับ 250,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปลายปี 54 ที่มียอดคงค้างสินเชื่อ 210,000 ล้านบาท คิดเป็นสินเชื่อใหม่ประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ประมาณ 10% มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 12.5% อยู่ลำดับที่ 4 ของระบบ และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ไม่เกิน 1.5%
ด้านผลกระทบจากวิกฤตยุโรปนั้น นายศิริชัยกล่าวว่า เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกผ่านทางออเดอร์ที่ลดลงบ้างแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นผลในทางอ้อม โดยลูกค้าที่เจอปัญหาก็จะเข้ามาขอผ่อนผันระยะเวลาชำระเงินบ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก เป็นหลักสิบเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารก็ดำเนินการด้วยความระมัดระวังมาตลอด ยังคงต้องจับตาต่อไป และพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกรายอยู่แล้ว
“ตอนนี้ ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกยังคงต้องจับตาใกล้ชิดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา และจีน คิดว่าปีหน้า ผลกระทบจะออกมาชัดเจนขึ้น ซึ่งเราก็คอยจับตาดูและให้คำปรึกษาผู้ประกอบการอย่างใกช้ชิดอยู่แล้ว ขณะที่ลูกค้าก็ต้องมีการปรับตัวในการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ ทื่เกิดก็เป็นปัจจัยบังคับให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเองในท้ายที่สุดด้วย”
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังของปีนี้นั้น ธนาคารจะเน้นการเจาะลูกค้าเป็นรายกลุ่ม เพื่อให้เข้าใจความต้องการลูกค้าแต่ละช่วงธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเริ่มต้นธุรกิจ ขยายธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งแต่จะกลุ่มจะมีความต้องการต่างกัน รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า และซัปพลาย เชน อย่างครบครันด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของธนาคาร เช่น สินเชื่อบุคคล ประกันฯ เป็นต้น พร้อมกันนั้น ก็จะยังคงความเข้มข้นในการบริหารความเสี่ยงต่อไป
“เรารู้สึกว่าในส่วนของผลิตภัณฑ์นั้นค่อนข้างอิ่มตัว มีครอบคลุมแล้ว จึงเจาะในรายละเอียดมากขึ้น คือ แบ่งลูกค้าเป็นรายกลุ่มเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการ และนำเสนอในสิ่งที่เขาต้องการต่อไป”
สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี มียอดสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับปลายปี 2554 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดที่อยู่ในระดับ 5% โดยมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 240,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารมั่นใจว่า ณ สิ้นปี สินเชื่อจะอยู่ในระดับ 250,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปลายปี 54 ที่มียอดคงค้างสินเชื่อ 210,000 ล้านบาท คิดเป็นสินเชื่อใหม่ประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ประมาณ 10% มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 12.5% อยู่ลำดับที่ 4 ของระบบ และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ไม่เกิน 1.5%
ด้านผลกระทบจากวิกฤตยุโรปนั้น นายศิริชัยกล่าวว่า เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกผ่านทางออเดอร์ที่ลดลงบ้างแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นผลในทางอ้อม โดยลูกค้าที่เจอปัญหาก็จะเข้ามาขอผ่อนผันระยะเวลาชำระเงินบ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก เป็นหลักสิบเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารก็ดำเนินการด้วยความระมัดระวังมาตลอด ยังคงต้องจับตาต่อไป และพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกรายอยู่แล้ว
“ตอนนี้ ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกยังคงต้องจับตาใกล้ชิดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา และจีน คิดว่าปีหน้า ผลกระทบจะออกมาชัดเจนขึ้น ซึ่งเราก็คอยจับตาดูและให้คำปรึกษาผู้ประกอบการอย่างใกช้ชิดอยู่แล้ว ขณะที่ลูกค้าก็ต้องมีการปรับตัวในการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ ทื่เกิดก็เป็นปัจจัยบังคับให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเองในท้ายที่สุดด้วย”
