วิกฤตหนี้ยุโรปกลับมาหลอน กดดันค่าเงินบาทอ่อน กลับมาผันผวนอีกครั้ง แบงก์ชาติยันไม่จำเป็นแทรกแซง เผยเงินไหลเข้า-ออกยังสมดุล
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ (23 ก.ค.) ปรับอ่อนค่าลงและผันผวน เพราะมีข่าวปัจจัยลบจากกรีซ และยูโร ทำให้มีค่าความผันผวนสูงขึ้นเป็นร้อยละ 5.3 อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไม่สูงมากจนน่าห่วง หรือต้องเข้าไปดูแลค่าเงินบาทในตลาดเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ เงินบาทเคยมีค่าผันผวนสูงกว่านี้ประมาณร้อยละ 7-8 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังต้องติดตามดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะมากระทบค่าเงินบาทในระยะต่อไป
โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ แนวโน้มการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ในไทย เช่น บริษัทในไทยไปเสนอซื้อหุ้นบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) หรือกรณีที่บริษัท ปตท.สผ.ชนะการประมูลซื้อบริษัทโคฟ เอ็นเนอยี ของอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยสร้างสมดุลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายของไทยได้ เพราะปัจจุบัน เงินทุนต่างชาติก็ยังไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีเงินไหลเข้าตลอด ส่วนตลาดตราสารทุนมีไหลเข้า และออกบ้างเป็นบางช่วง การที่มีเงินทุนของบริษัทไทยออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศน่าจะช่วยสร้างสมดุลเงินทุนที่ไหลเข้ามาหาผลตอบแทนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี หรือประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนามได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก จากที่เปิดตลาดในช่วงเช้าที่ระดับ 31.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการอ่อนค่าลงตามสกุลเงินยูโรที่อ่อนเป็นสำคัญ
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ (23 ก.ค.) ปรับอ่อนค่าลงและผันผวน เพราะมีข่าวปัจจัยลบจากกรีซ และยูโร ทำให้มีค่าความผันผวนสูงขึ้นเป็นร้อยละ 5.3 อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไม่สูงมากจนน่าห่วง หรือต้องเข้าไปดูแลค่าเงินบาทในตลาดเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ เงินบาทเคยมีค่าผันผวนสูงกว่านี้ประมาณร้อยละ 7-8 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังต้องติดตามดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะมากระทบค่าเงินบาทในระยะต่อไป
โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ แนวโน้มการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ในไทย เช่น บริษัทในไทยไปเสนอซื้อหุ้นบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) หรือกรณีที่บริษัท ปตท.สผ.ชนะการประมูลซื้อบริษัทโคฟ เอ็นเนอยี ของอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยสร้างสมดุลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายของไทยได้ เพราะปัจจุบัน เงินทุนต่างชาติก็ยังไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีเงินไหลเข้าตลอด ส่วนตลาดตราสารทุนมีไหลเข้า และออกบ้างเป็นบางช่วง การที่มีเงินทุนของบริษัทไทยออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศน่าจะช่วยสร้างสมดุลเงินทุนที่ไหลเข้ามาหาผลตอบแทนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี หรือประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนามได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก จากที่เปิดตลาดในช่วงเช้าที่ระดับ 31.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการอ่อนค่าลงตามสกุลเงินยูโรที่อ่อนเป็นสำคัญ