“พีทีจี เอ็นเนอยี” ทุ่ม 700 ล้านบาทในการขยายปั๊มน้ำมัน PT และรถขนส่งน้ำมัน ตั้งเป้าขยายปั๊มไม่ต่ำกว่า 100 แห่งต่อปี โดยเน้นเช่าปั๊มที่ไม่มีแบรนด์แทนซื้อที่ดินลงทุนเอง คาดปีนี้ยอดขายพุ่งแตะ 3.9-4 หมื่นล้านบาท เตรียมยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดไตรมาส 3 ปีนี้
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 690-700 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี มีปั๊มน้ำมันรวม 440 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็น 560 แห่งในสิ้นปีนี้ และขยายจำนวนรถขนส่งน้ำมันเพื่อให้บริการแก่กลุ่มผู้ประกอบการแฟรนไชส์อีก 60 คันจากปัจจุบันที่มีอยู่ 154 คัน ซึ่งปัจจุบัน จำนวนปั๊มน้ำมันในไทยมีทั้งสิ้น 1.8 หมื่นปั๊ม แบ่งเป็นปั๊มที่ยี่ห้อ (แบรนด์) อยู่ 5 พันปั๊ม และปั๊มที่ไม่มีแบรนด์ 1.3 หมื่นปั๊ม
ดังนั้น เป้าหมายการขยายปั๊มน้ำมันของบริษัทฯ จะเน้นการเช่าปั๊มที่ไม่มีแบรนด์ แทนการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อทำปั๊มใหม่เหมือนผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน โดยบริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนขยายปั๊มเพียง 1.5 ล้านบาท/ปั๊ม ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย.นี้ บริษัทฯ มีแผนจะเช่าคลังน้ำมันที่ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในภาคอีสานด้วย
นายพิทักษ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายปั๊มน้ำมัน PT ไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ปั๊มทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มีปั๊มอยู่ในภาคอีสาน และภาคเหนือ สาเหตุที่บริษัทฯ สวนกระแสขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยเฉพาะด้านลอจิสติกส์ เพราะบริษัทฯ มีรถขนส่งน้ำมันเอง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งต่ำเพียง 23 สต./ลิตร ขณะที่การจ้างรถขนส่งน้ำมันมีค่าใช้จ่ายลิตรละ 33 สต. และมีคลังน้ำมันถึง 6 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทุกภาค
ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำมันอยู่ที่ 1,300 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายน้ำมัน 950 ล้านลิตร เพราะมีจำนวนปั๊มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้รายได้ปีนี้อยู่ที่ 3.9-4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในไตรมาส 3/55 นี้ โดยบริษัทจะขายหุ้น IPO จำนวน 420 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท
นายพิทักษ์ กล่าวถึงกรณีการยกเลิกการใช้เบนซิน 91 ว่า รัฐควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แม้ว่าจะมีการถ่างราคาระหว่างแก๊สโซฮอล์กับเบนซิน 91 แต่จำนวนใช้เบนซิน 91 ไม่ลดลง ยังอยู่ที่ 8-9 ล้านลิตร/วัน แสดงว่า ยังมีรถเก่า และเครื่องยนต์การเกษตรจำนวนมากที่ใช้อยู่ หากรัฐจะยกเลิกก็ควรทำประชาสัมพันธ์พร้อมกับดึงค่ายรถมอเตอร์ไซค์มารับรองด้วย
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 690-700 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี มีปั๊มน้ำมันรวม 440 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็น 560 แห่งในสิ้นปีนี้ และขยายจำนวนรถขนส่งน้ำมันเพื่อให้บริการแก่กลุ่มผู้ประกอบการแฟรนไชส์อีก 60 คันจากปัจจุบันที่มีอยู่ 154 คัน ซึ่งปัจจุบัน จำนวนปั๊มน้ำมันในไทยมีทั้งสิ้น 1.8 หมื่นปั๊ม แบ่งเป็นปั๊มที่ยี่ห้อ (แบรนด์) อยู่ 5 พันปั๊ม และปั๊มที่ไม่มีแบรนด์ 1.3 หมื่นปั๊ม
ดังนั้น เป้าหมายการขยายปั๊มน้ำมันของบริษัทฯ จะเน้นการเช่าปั๊มที่ไม่มีแบรนด์ แทนการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อทำปั๊มใหม่เหมือนผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน โดยบริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนขยายปั๊มเพียง 1.5 ล้านบาท/ปั๊ม ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย.นี้ บริษัทฯ มีแผนจะเช่าคลังน้ำมันที่ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในภาคอีสานด้วย
นายพิทักษ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายปั๊มน้ำมัน PT ไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ปั๊มทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มีปั๊มอยู่ในภาคอีสาน และภาคเหนือ สาเหตุที่บริษัทฯ สวนกระแสขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยเฉพาะด้านลอจิสติกส์ เพราะบริษัทฯ มีรถขนส่งน้ำมันเอง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งต่ำเพียง 23 สต./ลิตร ขณะที่การจ้างรถขนส่งน้ำมันมีค่าใช้จ่ายลิตรละ 33 สต. และมีคลังน้ำมันถึง 6 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทุกภาค
ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำมันอยู่ที่ 1,300 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายน้ำมัน 950 ล้านลิตร เพราะมีจำนวนปั๊มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้รายได้ปีนี้อยู่ที่ 3.9-4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในไตรมาส 3/55 นี้ โดยบริษัทจะขายหุ้น IPO จำนวน 420 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท
นายพิทักษ์ กล่าวถึงกรณีการยกเลิกการใช้เบนซิน 91 ว่า รัฐควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แม้ว่าจะมีการถ่างราคาระหว่างแก๊สโซฮอล์กับเบนซิน 91 แต่จำนวนใช้เบนซิน 91 ไม่ลดลง ยังอยู่ที่ 8-9 ล้านลิตร/วัน แสดงว่า ยังมีรถเก่า และเครื่องยนต์การเกษตรจำนวนมากที่ใช้อยู่ หากรัฐจะยกเลิกก็ควรทำประชาสัมพันธ์พร้อมกับดึงค่ายรถมอเตอร์ไซค์มารับรองด้วย