พีทีจี เอ็นเนอยี่ฯ เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 420 ล้านหุ้น คาดยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.ไตรมาส 3/55 คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปีนี้ หวังนำเงินเพิ่มปั๊มน้ำมันอีกไม่น้อยกว่า 100 แห่ง เพิ่มรถขนส่งน้ำมันอีก 200 คัน ส่งผลรายได้ปีนี้โต 60-70% จากปี 54 ที่มี 2.78 ล้านบาท กำไรสุทธิ 228 ล้านบาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมัน และค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ในฐานะผู้ให้บริการสถานีน้ำมัน PT เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งขณะนี้บริษัทจะมีการลดมูลค่าตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เหลือ 1 บาท ทำให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 1,250 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการเพิ่มทุนอีก 25-30% หรือประมาณ 420 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO ) ทำให้ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 1,670 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประมาณไตรมาส 3/55 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ทันในปีนี้ โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะนำไปเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน PT อีกไม่น้อยกว่า 100 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 440 แห่ง ขยายกองรถขนส่งน้ำมันเพื่อรองรับการเติบโตของสถานีน้ำมันอีก 200 คัน จากปัจจุบันที่มี 153 คัน และใช้ปรับภาพลักษณ์ รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 60-70% จากปี 54 ที่มีรายได้รวม 27,800 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 226 ล้านบาท เนื่องจากจะเพิ่มสถานีให้บริการน้ำมันไม่น้อยกว่า 100 สถานี ซึ่งจะเน้นการเช่าปั๊มเป็นหลัก โดยคาดว่าใช้เงินลงทุนขยายปั๊มแห่งละประมาณ 1 ล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทจะมาจากการจำหน่ายน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมันของบริษัท ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ใช้น้ำมันเพื่อการขนส่ง และเกษตรกรที่ใช้น้ำมันสำหรับเครื่องจักรการเกษตร โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายน้ำมันประมาณ 1.5 แสนลิตรต่อเดือนต่อสถานีบริการน้ำมัน 1 แห่ง
นายพิทักษ์ กล่าวว่า บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันในปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นน้ำมันดีเซล 75% น้ำมันเบนซิน 20% แก๊สโซฮอลล์ 5% โดยปัจจุบัน บริษัทมีคลังน้ำมันจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย คลังน้ำมันแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม คลังน้ำมันหนองแค จ.สระบุรี คลังน้ำมันน้ำพอง จ.ขอนแก่น คลังน้ำมันลำปาง จ.ลำปาง คลังน้ำมันชุมพร จ.ชุมพร และคลังน้ำมันปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งบริษัทจะซื้อน้ำมันโดยตรงมาจากบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
