ก.ล.ต. คาดบริษัทไม่ต่ำกว่า 25 แห่ง รับไฟเขียวเสนอหุ้นไอพีโอ “โครงการหุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” ด้าน “วรพล” เผยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมและอื่นๆ หวังดึงความสนใจ พร้อมเปิดให้บริษัทกรอกข้อมูลส่งให้สภาอุตสาหกรรม-หอการค้าแต่ละจังหวัดก่อนสิ้น พ.ค.นี้ เพื่อรับคัดเลือก
วานนี้ (3 เม.ย.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย ชมรมวาณิชธนกิจ และผู้สอบบัญชี แถลงข่าว “โครงการหุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” เพื่อสนับสนุนบริษัททั่วประเทศเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าจาก “โครงการหุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” ก.ล.ต.คาดหวังว่าจะมีบริษัทไม่ต่ำกว่า 25 แห่ง ได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ภายในเดือนธันวาคม 56 โดยขณะนี้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาในการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม เช่น ค่าธรรมเนียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ค่าธรรมเนียมการเข้าจดทะเบียน ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ก.ล.ต. และบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณา
สำหรับบริษัทที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถเข้ามากรอกแบบฟอร์มใบสมัครได้จากเว็บไซต์ของก.ล.ต. WWW.sec.or.th พร้อมแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องส่งไปยัง สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หรือหอการค้าจังหวัดที่บริษัท หรือหน่วยธุรกิจหลักของแต่ละบริษัทตั้งอยู่ภายใน 31 พฤษภาคมนี้ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัด และหอการค้าจังหวัดพิจารณาและส่งรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ เช่น มีการดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี ผู้บริหารชุดปัจจุบันต้องดำเนินงานติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 1 ปี มีผลกำไรในงบการเงินงวดปีล่าสุด มีทุนจดทะเบียนหลังเข้าจดทะเบียนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ฯลฯ ให้แก่ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ หลังจากได้รับใบสมัคร ก.ล.ต.จะมีการดำเนินการแจ้งยืนยันผลการคัดเลือกไปยังผู้สมัครเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 55 และจะมีการจัดปฐมนิเทศ และจัดอบรมหลักศูตรความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาดทุน และการระดมทุนให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการทุกรายในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 55
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากโครงการนี้จะช่วยเพิ่มบริษัทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากขึ้น และช่วยให้บริษัทต่างๆ เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจทำให้บริษัทมีการเติบโตและยังช่วยทำให้เศราฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน บริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วมีสัดส่วนเพียง 0.15% ของบริษัททั่วประเทศถือว่าน้อยมาก แต่มีการจ่ายภาษีนิติบุคคลให้แก่ทางรัฐบาลถึง 28% ของยอดการจ่ายภาษีรวมของประเทศ บริษัทจดทะเบียนรวมมีผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 25% ซึ่งสูงกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการเติบโตเพียง 15% หวังว่าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น
