“ก.ล.ต.” จับมือ “ส.บริษัทหลักทรัพย์” ยกระดับ “บล.” เน้นคุณภาพการให้บริการ บุคลากร และบทวิเคราะห์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ขณะที่ “นายกฯ บล.” ยันพอร์ตลงทุนของ บล. ไม่มีการซื้อขายในลักษณะเอาเปรียบลูกค้า ยันทุกแห่งมีจรรยาบรรณเพียงพอ และทาง ก.ล.ต. ก็เข้าตรวจสอบอยู่เสมอ วอนนักลงทุนให้ความความเชื่อมั่น
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมระหว่าง ก.ล.ต. กับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยประจำไตรมาส 2 ปี 2555 โดยระบุว่า ก.ล.ต. และสมาคมเห็นร่วมกันในการขับเคลื่อนให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพิ่มคุณภาพของนักวิเคราะห์ และบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ รวมถึงคุณภาพบุคลากร ผู้ประกอบวิชาชีพหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งได้มีการหารือในเรื่องที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขต่อไป
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยได้ข้อสรุปในการเพิ่มคุณภาพของนักวิเคราะห์ และบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยจะกำหนดให้ บล. ต้องมีจำนวนนักวิเคราะห์ที่เหมาะสม และจัดทำบทวิเคราะห์ตามแนวทางที่สมาคมกำหนดโดยความเห็นชอบของ ก.ล.ต. เช่น บล. ต้องทำบทวิเคราะห์อย่างน้อย 30 หลักทรัพย์ นักวิเคราะห์หนึ่งคนจัดทำบทวิเคราะห์เฉลี่ยไม่เกิน 15 หลักทรัพย์ ต้องปรับปรุงบทวิเคราะห์ที่ออกไว้อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง โดย บล. ต้องมีกระบวนการควบคุมคุณภาพของบทวิเคราะห์ รวมทั้งต้องมีกระบวนการที่จะทำให้ผู้แนะนำการลงทุนนำบทวิเคราะห์ที่ บล. จัดทำไปเผยแพร่ต่อผู้ลงทุนเป็นประจำ
ที่ประชุมยังมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการขาดแคลนบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลาง และขนาดเล็ก (Medium and Small Market Cap) ทั้งที่มีบริษัทที่น่าสนใจจำนวนมาก ทำให้บริษัทกลุ่มนี้ขาดโอกาสที่จะเป็นที่รู้จักของผู้ลงทุน สมาคมจึงรับที่จะนำไปศึกษา โดยในเบื้องต้นเห็นว่า การที่จะทำให้เกิดบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ และครอบคลุมทั่วถึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทจดทะเบียนเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relation) รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญในการให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์ นอกจากนี้ การใช้บริการบริษัทจัดทำบทวิเคราะห์อิสระเป็นอีกทางออกหนึ่ง
สำหรับการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยมีแผนการเพิ่มคุณภาพบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ ไม่เพียงแต่ผู้แนะนำการลงทุนเท่านั้น แต่จะขยายไปถึงบุคลากรด้าน Back Office ด้วย โดยในส่วนของผู้แนะนำการลงทุนจะเพิ่มความรู้ด้าน Wealth Management เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำได้ครอบคลุมประเภทสินค้า และตราสารการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งจะปรับปรุงวิธีการอบรมเพื่อการต่ออายุความเห็นชอบให้น่าสนใจ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างแท้จริง และในส่วนของ Back Office จำเป็นต้องเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับตราสารใหม่ๆ การจัดการความเสี่ยง และกฎระเบียบ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. เห็นชอบกับสมาคมในการที่จะนำหลักการ “ตัวกลางแนะนำลูกค้า” หรือ Introducing Agent แบบใหม่มาใช้เพื่อขยายฐานผู้ลงทุน โดยมีเป้าหมายไม่จำกัดเฉพาะสถาบันการเงิน แต่จะรวมถึงนิติบุคคลประเภทอื่น และบุคคลทั่วไป โดยจะให้มีการอบรมความรู้ ทดสอบ และขึ้นทะเบียน
นอกจากนี้ ในการประชุมวันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งให้สมาคมทราบถึงแนวคิดจากการประชุม Cross Selling ของสามหน่วยงานกำกับดูแล ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับการประกอบธุรกิจประกันภัย และ ก.ล.ต. ที่เห็นควรห้ามส่งเสริมการขายในลักษณะชิงโชค หรือจับฉลาก เพราะอาจเป็นการไม่เท่าเทียมกัน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลได้รับผลตอบแทนมากกว่าคนอื่น ซึ่ง ก.ล.ต. จะนำแนวคิดนี้มาพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมการขายตราสารในตลาดทุนให้เหมาะสมต่อไป
“การประชุมร่วมกันในวันนี้ ก.ล.ต. เห็นความตั้งใจจริงของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักทรัพย์หลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการจัดทำบทวิเคราะห์ ซึ่งบทวิเคราะห์เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมาก ทั้งสำหรับการตัดสินใจของผู้ลงทุน การทำธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ และยังเป็นผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนด้วย การพัฒนาคุณภาพ และเพิ่มบทวิเคราะห์ให้ครอบคลุมถึงบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กจึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกัน ซึ่งในส่วนของการพัฒนาให้เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทจดทะเบียนมีความรู้ ความสามารถ และพร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต. สนับสนุน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนเองต้องให้ความสำคัญแก่ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ในบริษัทอย่างจริงจังด้วย”
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมา สมาคมมีความพยายามที่จะยกระดับคุณภาพงานในทุกด้าน เนื่องจากตระหนักดีว่า การปฏิบัติงานและการให้บริการของธุรกิจหลักทรัพย์จะต้องได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในวันนี้จึงได้นำเสนอมาตรการเพิ่มคุณภาพบทวิเคราะห์ และบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ ในอีกด้านหนึ่ง สมาคมก็มองหาช่องทางที่จะขยายฐานผู้ลงทุนจึงได้นำเสนอการใช้ Introducing Agent ซึ่งทำให้ธุรกิจหลักทรัพย์ในหลายประเทศประสบความสำเร็จมาแล้ว
นอกจากนี้ สมาคมทราบมาว่า ผู้ลงทุนบางส่วนมีความกังวลว่า พอร์ตลงทุนของ บล. ทำการซื้อขายในลักษณะเอาเปรียบลูกค้า และทำให้ผู้ลงทุนขาดความเชื่อมั่นใน บล. ซึ่งสมาคมขอยืนยันว่า บล. ทุกแห่งมีระบบงานดูแลพอร์ตการลงทุนของ บล. ไม่ให้มีโอกาสเหนือผู้ลงทุน โดยสมาคมได้ออกมาตรการดูแลเรื่องนี้อย่างครบถ้วน และทาง ก.ล.ต. ได้เข้าตรวจสอบการทำงานของ บล. อย่างสม่ำเสมอ สมาคมจึงขอให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่า บล. ดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ ทั้งนี้ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง