xs
xsm
sm
md
lg

“ไพบูลย์” คาดปีนี้ได้เห็นดัชนี 1,300 จุด เงินไหลเข้ากว่า 3 พันล้านเหรียญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เตรียมบินพร้อมภาครัฐให้ข้อมูลนักลงทุนต่างชาติ ดึงเม็ดเงินเข้าตลาดทุน “ไพบูลย์” เชื่อปีนี้ได้เห็นดัชนี 1,300 จุด เม็ดเงินไหลเข้ากว่า 3,000 ล้านเหรียญ คาดวิกฤตหนี้ในต่างประเทศยังคงถดถอยอีกนาน ชี้เป็นโอกาสดีต่อการระดมทุนลุยโครงการพื้นฐานของภาครัฐ แนะลดถือหุ้นรัฐวิสาหกิจบางกิจการ พร้อมดันเข้าตลาดหุ้น เหตุมีแต่ผลดีแก่องค์กร อีกทั้งช่วยสร้างรายได้แก่ประเทศ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) กล่าวว่า สธท.จะร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อไปนำเสนอข้อมูลตลาดหุ้นไทยแก่นักลงทุนต่างประเทศ เช่น จีน ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง รวมถึงในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งมีแผนจะเดินทางร่วมกับรัฐบาลไปนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนที่ฝรั่งเศส และเยอรมนี เพราะมองว่าเป็นเวทีใหญ่และมีโอกาสชักชวนให้โยกย้ายเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากเข้ามายังตลาดหุ้นไทย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของไทยยังมีหนี้ในระดับที่ต่ำ และภาครัฐก็หันมาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพิ่ม

“ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สูงติด Top5 ซึ่งปีนี้ ธปท.คาดจีดีพีจะโต 6% ปีหน้าจะโตขั้นต่ำ 5% และจะเป็นการเติบโตต่อเนื่อง ภาครัฐมีการลงทุนเพิ่ม สิ่งเหล่านี้จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศได้ สิ่งที่เรานำไปเสนอคือความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย เราคาหุ้นต่างๆ ในตลาดที่โดยรวมยังไม่แพง แม้ 5-6 ปีที่ผ่านจะมีปัญหาทางการเมือง แต่เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และยุโรปยังดูดีกว่า จึงมองว่านี่คือโอกาสดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุน”

ทั้งนี้ ยังเชื่อมั่นว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นถึง 1,300 จุดในปีนี้ และทั้งปีน่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามามากกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากตั้งแต่ต้นปีมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วประมาณ 80,000 ล้านบาท ช่วงที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลออกไปเพียง 20,000 ล้านบาท แม้ภาพรวม P/E หุ้นไทยอาจสูงขึ้นถึง แต่ระยะเวลาของปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศเชื่อว่าจะไม่จบลงภายใน 1-2 ปี จากนี้ จึงเป็นโอกาสและผลดีต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่า

ส่วนสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธรณะในยูโรโซน ภาพรวมทั้งปีจะอยู่ภาวะถดถอย แต่เริ่มมีสัญญาณทีดีขึ้น จากทางการยุโรปยอมให้ความเชื่อเหลือทางการเงินโดยตรงกับบรรดาธนาคารพาณิชย์ที่ประสบปัญหา ทำให้เม็ดเงินเหล่านี้ไม่ถูกนับเข้าเป็นหนี้สาธารณะที่จะมีผลต่อภาครัฐ อีกทั้งกรีซน่าจะได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขการรัดเข็มขัด ซึ่งทำให้เชื่อว่า สเปนและอิตาลีอาจไม่จำเป็นถึงจะต้องเข้าขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน แต่วิกฤตดังกล่าวจะดำเนินต่อไปจนกว่าตลาดจะเริ่มมั่นใจ ว่า สเปนกับอิตาลี จะไม่ประสบภาวะล้มละลายในระยะยาว

สำหรับประเทศไทย ส่วนตัวมีข้อเสนอแก่ภาครัฐ คือ เมื่อเศรษฐกิจยูโรโซนยังอยู่ในแนวโน้มภาวะถดถอย ภาครัฐควรเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อทดแทน เช่น การช่วยเจรจาในระดับรัฐบาลกับกลุ่มประเทศเป้าหมาย ขณะเดียว กันธนาคารแห่งประเทศไทย ควรดูแลไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากเกินไป และส่งเสริมให้ภาคเอกชนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมากยิ่งขึ้น และภาครัฐควรใช้โอกาสนี้ระดมทุนผ่านตลาดทุนไทยเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่เพื่อรักษาระดับหนี้สาธารณะไม่ให้เพิ่มขึ้นไปมาก ภาครัฐควรทบทวนนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยการลดสัดส่วนถือครองหุ้นในบางกิจการ และบางแห่งนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ ประเภทโรงไฟฟ้าที่มีการจัดตั้งเป็นบริษัท หรือรัฐวิสาหกิจในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่องค์กร อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ภาครัฐด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น