นักวิชาการ “นิด้า” ชำแหละปัญหา “วิกฤต ศก.ยุโรป” หลังเลือกตั้ง “กรีซ-ฝรั่งเศส” ได้ตัว ปธน.คนใหม่ เร่งใช้นโยบายการคลังอัดฉีดเงินใส่ระบบ แทนการรัดเข็มขัดที่โดน ปชช.ต่อต้าน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เตือนไทยตั้งรับผลกระทบทางอ้อม พร้อมห่วง 2 กลุ่ม “ท่องเที่ยว-ส่งออก” อาจเจอหนักกว่าเพื่อน
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (MPA) คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แนะรัฐบาลควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจยุโรปอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมแผนรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมา โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 6 ล้านคน จึงควรดึงนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเอเชีย หรือประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง เช่น จีน และอินเดีย เข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกไปยุโรปที่มีปัญหานั้น ก็จำเป็นต้องหาตลาดส่งออกทดแทนเช่นกัน
“มีแนวโน้มว่า กรีซ รวมถึงฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่งได้ประธานาธิบดีคนใหม่ต่างมีแนวคิดแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายเงินของภาครัฐ ซึ่งนโยบายดังกล่าว นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากที่ผ่านมา การดำเนินมาตรการรัดเข็มขัด ลดรายจ่ายตัดสวัสดิการประชาชนได้รับการต่อต้านจากประชาชน และยังไม่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจในยุโรปกลับคืนมาได้”
ทั้งนี้ แนวคิดแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐนั้น เคยประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมาแล้ว อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการดังกล่าว ต้องมีระบบกำกับดูแลการคลังที่ดีเพื่อป้องกันเงินรั่วไหล พร้อมกับใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนปรน เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยเข้ามากระตุ้นอีกทางหนึ่ง จึงจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจยุโรปในครั้งนี้ได้
นายมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทั้งนโยบายการเงินและการคลัง แต่ที่ผ่านมา การใช้มาตรการการเงินไม่สามารถทำได้ เพราะธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินของกลุ่มยูโรโซน ทั้งอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้กรีซไม่สามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแก้ปัญหาหนี้ได้
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กรีซจะใช้มติทางการเมือง ขอถอนตัวออกจากกลุ่มยูโรโซนชั่วคราว เพื่อให้จัดการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ด้วยนโยบายการเงินที่ผ่อนปรน ด้วยการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมกับโครงสร้างเศรษฐกิจ พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่คาดว่าจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนในครั้งนี้ จะไม่ทำให้กลุ่มสหภาพยุโรปแตกออกจากกัน เพราะกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจอย่างประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศสจะต้องประคับประคองเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้