ASTVผู้จัดการรายวัน - ASM ขอปรับค่าจ้างสัญญา รปภ.สุวรรณภูมิเพิ่มอีก 200 ล้านบาทต่อสัญญา 5 ปีทีเหลือ ตามนโยบายค่าแรง 300บ./วัน ทอท.เผย Outsource กว่า 240 สัญญายื่นขอปรับค่าจ้าง โดยบอร์ดเห็นชอบแล้ว 81 สัญญา เป็นเงินประมาณ 300 ล้านบาท ที่เหลือให้ประเมินผลกระทบ และค่าจ้างที่เหมะสมเสนอบอร์ดอีกครั้ง ด้าน “กาญจน์” ชี้ค่าแรง 300บ. ทำต้นทุนพุ่ง 38% ขอปรับขึ้นตามต้นทุนจริง
ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท outsource ที่มีสัญญากับทอท.ทั้ง 6 ท่าอากาศยาน ได้ยื่นขอปรับค่าจ้างเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล ซึ่ง ทอท.มีการจ้างบริษัท outsource กว่า 240 สัญญา โดยแยกพิจารณาเป็น 2 ประเภท คือ 1.สัญญาที่กำหนดค่าจ้างตามค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งมีเงื่อนไขชัดเจนว่า สามารถปรับค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างได้หากรัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีจำนวน 81 สัญญา โดยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้เห็นชอบปรับค่าจ้างให้กับ outsource ส่วนนี้ไปแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป คิดเป็นวงเงินประมาณ 300 ล้านบาท (ค่าจ้างเพิ่มตลอดอายุสัญญา) โดยแบ่งเป็นค้าจ้างเพิ่มในปี 2555 ประมาณ 38 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 มีประมาณ 159 สัญญา โดยจะเป็นกลุ่มที่มีค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา ซึ่งจะเกี่ยวกับการปรับเงินเดือน 15,000 บาท ประมาณ 44 สัญญา สัญญาที่กำหนดเงื่อนไขค่าจ้างตามความสำเร็จ และประสิทธิภาพของงานซึ่งมีตัวชี้วัด ประมาณ 95 สัญญา และสัญญาอื่นๆ อีกประมาณ 20 สัญญา ซึ่งบอร์ดให้ฝ่ายบริหารทอท.ศึกษาผลกระทบที่ผู้รับจ้างได้รับ และพิจารณาตัวเลขค่าจ้างที่เหมาะสมเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง
“หลักการพิจารณาจะเป็นไปตามระเบียบและให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งแม้ ทอท.จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผลประกอบการในภาพรวมมากนัก” ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์กล่าว
นายกาญจน์ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ซิเคียวริตี้ เมเนจเม้นท์ จำกัด (ASM) ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานงานให้บริการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือถึง ทอท.เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อขอปรับเพิ่มค่าจ้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยขอปรับเพิ่มประมาณ 38% หรือประมาณ 200 ล้านบาทต่ออายุสัญญา 5 ปีที่เหลือ หรือเพิ่มเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าจ้างตามสัญญาเดิมประมาณ 45 ล้านบาทต่อเดือน โดยขอให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สัญญาให้บริการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อายุ 10 ปี ค่าจ้างรวมตลอดอายุสัญญาประมาณ 5,419.55 ล้านบาท บริษัทฯ ขอปรับเพิ่มค่าจ้างตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจากนโยบายรัฐบาล ซึ่งการให้บริการด้านรักษาความปลอดภัยนั้นมีตัวชี้วัดในเชิงประสิทธิภาพ ดังนั้น รายได้ของพนักงานจึงเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากค่าแรงแล้ว ยังมีค่าทักษะการทำงาน และสวัสดิการอื่นๆ ที่เหมาะสมอีกด้วย
“สัญญาการให้บริการรักษาความปลอดภัยของบริษัทในส่วนอื่นๆ เช่น การให้บริการแก่ผู้ประกอบการในคลังสินค้า ทั้ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทบางกอกไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (BFS) ในเขตปลอดอากร (Free Zone) ได้มีการปรับขึ้นเช่นเดียวกัน” นายกาญจน์กล่าว
ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท outsource ที่มีสัญญากับทอท.ทั้ง 6 ท่าอากาศยาน ได้ยื่นขอปรับค่าจ้างเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล ซึ่ง ทอท.มีการจ้างบริษัท outsource กว่า 240 สัญญา โดยแยกพิจารณาเป็น 2 ประเภท คือ 1.สัญญาที่กำหนดค่าจ้างตามค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งมีเงื่อนไขชัดเจนว่า สามารถปรับค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างได้หากรัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีจำนวน 81 สัญญา โดยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้เห็นชอบปรับค่าจ้างให้กับ outsource ส่วนนี้ไปแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป คิดเป็นวงเงินประมาณ 300 ล้านบาท (ค่าจ้างเพิ่มตลอดอายุสัญญา) โดยแบ่งเป็นค้าจ้างเพิ่มในปี 2555 ประมาณ 38 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 มีประมาณ 159 สัญญา โดยจะเป็นกลุ่มที่มีค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา ซึ่งจะเกี่ยวกับการปรับเงินเดือน 15,000 บาท ประมาณ 44 สัญญา สัญญาที่กำหนดเงื่อนไขค่าจ้างตามความสำเร็จ และประสิทธิภาพของงานซึ่งมีตัวชี้วัด ประมาณ 95 สัญญา และสัญญาอื่นๆ อีกประมาณ 20 สัญญา ซึ่งบอร์ดให้ฝ่ายบริหารทอท.ศึกษาผลกระทบที่ผู้รับจ้างได้รับ และพิจารณาตัวเลขค่าจ้างที่เหมาะสมเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง
“หลักการพิจารณาจะเป็นไปตามระเบียบและให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งแม้ ทอท.จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผลประกอบการในภาพรวมมากนัก” ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์กล่าว
นายกาญจน์ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ซิเคียวริตี้ เมเนจเม้นท์ จำกัด (ASM) ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานงานให้บริการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือถึง ทอท.เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อขอปรับเพิ่มค่าจ้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยขอปรับเพิ่มประมาณ 38% หรือประมาณ 200 ล้านบาทต่ออายุสัญญา 5 ปีที่เหลือ หรือเพิ่มเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าจ้างตามสัญญาเดิมประมาณ 45 ล้านบาทต่อเดือน โดยขอให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สัญญาให้บริการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อายุ 10 ปี ค่าจ้างรวมตลอดอายุสัญญาประมาณ 5,419.55 ล้านบาท บริษัทฯ ขอปรับเพิ่มค่าจ้างตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจากนโยบายรัฐบาล ซึ่งการให้บริการด้านรักษาความปลอดภัยนั้นมีตัวชี้วัดในเชิงประสิทธิภาพ ดังนั้น รายได้ของพนักงานจึงเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากค่าแรงแล้ว ยังมีค่าทักษะการทำงาน และสวัสดิการอื่นๆ ที่เหมาะสมอีกด้วย
“สัญญาการให้บริการรักษาความปลอดภัยของบริษัทในส่วนอื่นๆ เช่น การให้บริการแก่ผู้ประกอบการในคลังสินค้า ทั้ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทบางกอกไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (BFS) ในเขตปลอดอากร (Free Zone) ได้มีการปรับขึ้นเช่นเดียวกัน” นายกาญจน์กล่าว