เอบิโก้ โฮลดิ้งส์ แจ้งงบงวดสิ้นปี 54 กำไรเพิ่มเป็น 73 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนกำไรเพียงไม่ถึง 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 106% เหตุยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดผลิตที่ขยายเพิ่ม อีกทั้งประเมินโดยใช้ราคาประเมินจากผู้ประเมินอิสระ แม้จะทำให้กำไรลดแต่ดันส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่ม
นายกิตติ วิไลวรางกูร ในฐานะผู้บริหารแผนของ บริษัท เอบิโก้ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ABICO แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 31 ธันวาคม 54 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 73.08 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 53 มีกำไรสุทธิ 31.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 34 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 105.44 %
โดยผลงานงวดสิ้นปี 54 บริษัทได้แก้ไขเกี่ยวกับนโยบายบัญชีของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ขณะที่ใช้ราคาประเมินมูลค่าที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรจากผู้ประเมินอิสระ เทียบกับผลการดำเนินงานปี 53 ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่ม ซึ่งงวดนี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.47 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดสั่งซื้อและยอดส่งของเพิ่มขึ้น 12% ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ลดลง 0.14 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ธุรกิจฟาร์มโคนม มีรายได้เพิ่มขึ้น 5.01 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 6% และยอดส่งของเพิ่มขึ้น 12%
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 19.71 ล้านบาท เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตในธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดผลิตที่เติบโต 12%, ราคาน้ำมันเตาต่อหน่วยปรับราคาสูงขึ้น 34% และค่าไฟฟ้าต่อหน่วยปรับราคาสูงขึ้น 3.5% ขณะต้นทุนการผลิตในธุรกิจฟาร์มโคนมเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดผลิตที่เพิ่มขึ้น 11% และต้นทุนอาหารต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 45%
สำหรับค่าใช้จ่ายขาย และบริหารลดลง 7.37 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่มมีค่าเสื่อมราคาลดลง 7.6 ล้านบาท จากปีก่อน อย่างไรก็ดี งวดนี้ บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น 35.18 ล้านบาท เป็นผลมาจากในปี 54 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีกำไรจากแผนฟื้นฟูกิจการ 60.59 ล้านบาท และในปี 53 ธุรกิจฟาร์มโคนมมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 25.40 ล้านบาท
โดยงวดนี้ บริษทัทได้ประเมินมูลค่าที่ดิน อาคาร และเครื่องจักร โดยใช้ราคาประเมินจากผู้ประเมินอิสระ มีผลทำให้เปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ลดลง บันทึกเป็นผลขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน 12.36 ล้านบาท เป็นผลให้กำไรสุทธิลดลงจากเดิม 85.45 ล้านบาท เป็น 73.09 ล้านบาท และมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น บันทึกเป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน 132.50 ล้านบาท ซึ่งมีผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
อนึ่ง สำหรับงบการเงินรวมในปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2554 (ฉบับแก้ไข) บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก 147.14 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินราคาทรัพย์สินตามที่กล่าวมาแล้ว และบริษัทย่อย และบริษัทร่วมมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ทั้งหมดส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน
นายกิตติ วิไลวรางกูร ในฐานะผู้บริหารแผนของ บริษัท เอบิโก้ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ABICO แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 31 ธันวาคม 54 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 73.08 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 53 มีกำไรสุทธิ 31.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 34 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 105.44 %
โดยผลงานงวดสิ้นปี 54 บริษัทได้แก้ไขเกี่ยวกับนโยบายบัญชีของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ขณะที่ใช้ราคาประเมินมูลค่าที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรจากผู้ประเมินอิสระ เทียบกับผลการดำเนินงานปี 53 ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่ม ซึ่งงวดนี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.47 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดสั่งซื้อและยอดส่งของเพิ่มขึ้น 12% ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ลดลง 0.14 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ธุรกิจฟาร์มโคนม มีรายได้เพิ่มขึ้น 5.01 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 6% และยอดส่งของเพิ่มขึ้น 12%
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 19.71 ล้านบาท เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตในธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดผลิตที่เติบโต 12%, ราคาน้ำมันเตาต่อหน่วยปรับราคาสูงขึ้น 34% และค่าไฟฟ้าต่อหน่วยปรับราคาสูงขึ้น 3.5% ขณะต้นทุนการผลิตในธุรกิจฟาร์มโคนมเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดผลิตที่เพิ่มขึ้น 11% และต้นทุนอาหารต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 45%
สำหรับค่าใช้จ่ายขาย และบริหารลดลง 7.37 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจรับจ้างผลิตนมพร้อมดื่มมีค่าเสื่อมราคาลดลง 7.6 ล้านบาท จากปีก่อน อย่างไรก็ดี งวดนี้ บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น 35.18 ล้านบาท เป็นผลมาจากในปี 54 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีกำไรจากแผนฟื้นฟูกิจการ 60.59 ล้านบาท และในปี 53 ธุรกิจฟาร์มโคนมมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 25.40 ล้านบาท
โดยงวดนี้ บริษทัทได้ประเมินมูลค่าที่ดิน อาคาร และเครื่องจักร โดยใช้ราคาประเมินจากผู้ประเมินอิสระ มีผลทำให้เปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ลดลง บันทึกเป็นผลขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน 12.36 ล้านบาท เป็นผลให้กำไรสุทธิลดลงจากเดิม 85.45 ล้านบาท เป็น 73.09 ล้านบาท และมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น บันทึกเป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน 132.50 ล้านบาท ซึ่งมีผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
อนึ่ง สำหรับงบการเงินรวมในปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2554 (ฉบับแก้ไข) บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก 147.14 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินราคาทรัพย์สินตามที่กล่าวมาแล้ว และบริษัทย่อย และบริษัทร่วมมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ทั้งหมดส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน
