xs
xsm
sm
md
lg

บาทอ่อนล่อใจต่างชาติขายหุ้นไทย แนะจับตาเลือกตั้งยุโรป-ศก.สหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โบรกฯ เชื่อหุ้นไทยสัปดาห์หน้ายังปรับฐานต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน โดยต่างชาติอาจเทขาย ทำผลตอบแทนตามแนวโน้มค่าบาทอ่อนตัว สวนทางกลุ่มสถาบันกลับเข้ามาซื้อ แนะจับตาการเลือกตั้งในยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้กลยุทธ์ขายของแพง รอซื้อรอบใหม่

ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ค. ปิดตัวในแดนลบ ที่ระดับ 1,227.41 จุด ลดลง 12.62 จุด หรือ 1.02% มูลค่าการซื้อขาย 35,994 ล้านบาท หลายฝ่ายมองว่าเป็นการปรับฐานชั่วคราว ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,240.20 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,226.36 จุด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ดัชนีหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 เม.ย.-4 พ.ค.) ลดช่วงบวกลงจากแรงขายทำกำไร ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยนักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ (8-11 พ.ค.55) มองว่า ดัชนีมีโอกาสผันผวนและอาจมีการปรับฐานได้ ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจหลักที่ยังคงเปราะบาง โดยต้องจับตาผลการเลือกตั้งฝรั่งเศส และกรีซ ในวันที่ 6 พ.ค. รวมถึงผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนี สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดการขอสินเชื่อบ้าน (MBA Mortgage) ดัชนีราคาผู้ผลิต และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Mich.) โดยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,207 และ 1,166 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,238 และ 1,248 จุด ตามลำดับ

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นอยู่ในภาวะปรับฐานชั่วคราว เพราะดัชนีเข้าใกล้แนวต้านจิตวิทยาที่สำคัญบริเวณ 1,250 จุด คือทำได้ 1,247 จุดแล้ว จึงเกิดอาการแกว่งต่อเนื่อง และอาจต่อเนื่องไปถึงต้นสัปดาห์นี้ด้วย ทั้งนี้ hilight จะอยู่ที่การประกาศผลประกอบการของ บจ.จำนวนมาก ซึ่งจะเป็นตัวที่บ่งบอกว่าดัชนีจะทะลุ 1,250 จุดไปได้หรือไม่

ด้าน บล.เอเซีย พลัส รายงานว่า ภาพรวมการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติรายสัปดาห์ ในตลาดหุ้นเอเซียพบว่า กลับมามียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ราว 334 ล้านเหรียญฯ แต่ยังประเมินว่าสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติน่าขายสุทธิมากกว่าซื้อ เนื่องจากยอดซื้อสะสมกลับมาแตะ 9.6 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง ประกอบกับกับ ณ ดัชนีปัจจุบัน ต่างชาติน่าจะได้รับผลตอบแทนที่จูงใจ และที่สำคัญ เงินบาทมีแนวโน้มทรงตัวถึงอ่อนตัว จึงน่าจะหนุนให้มีการนำเงินออกมากกว่านำเงินเข้า และประเมินว่า นักลงทุนสถาบันจะมีบทบาทเป็นผู้ซื้อสุทธิมากขึ้นแทนนับจากนี้

ส่วนสัปดาห์นี้ หากราคาหุ้นปิโตรเลียม ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวตามราคาน้ำมันดิบ จะกดดันดัชนีให้อ่อนตัวลง หลังจากที่ไม่สามารถผ่านมาแนวต้าน 1,241 จุด หรือ expected PER 13.5 เท่าได้ ดังนั้น กลยุทธ์ยังเหมือนเดิมคือ ขายหุ้นแพงคือค้าปลีกทุกบริษัท ธนาคาร และสื่อสาร เพื่อรอซื้อรอบใหม่เมื่อราคาอ่อนตัวลง
กำลังโหลดความคิดเห็น