ศูนย์ข่าวภาคอีสาน - ชี้แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจภาคอีสานไตรมาส 2 ขยายตัวมากขึ้น เหตุรายได้ของประชาชนเพิ่ม ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐสะพัด อย่างไรก็ตาม เตือนภาคอุตสาหกรรมเตรียมรับมือต้นทุนการผลิตที่ขยับสูงขึ้น ขณะที่ประชาชนต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังจากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูง
นายธเนศชัย อังวราวงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สภอ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภาคอีสานในไตรมาส 2 นี้ คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าไตรมาสแรกเนื่องจากรายได้ของประชาชนจะเพิ่มขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะมีเพิ่มขึ้น นโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน การขยายตัวการปล่อยสินเชื่อของภาคสถาบันการเงินที่ขยายตัวดีในหมวดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการบริโภค ทำให้การจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคสะพัดในตลาดเพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ภาคการก่อสร้างก็จะขยายตัวดีตาม สะท้อนจากพื้นที่ก่อสร้างที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง การทยอยลงทุนโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ที่ได้รับการอนุมัติมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือต้นทุนการผลิตที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มต่อเนื่อง ค่าไฟฟ้า รวมทั้งราคาวัตถุดิบ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย ปัจจัยด้านลบเหล่านี้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้บริโภคต้องปรับตัวรองรับสถานการณ์ภาวะค่าครองชีพที่สูงมากขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจภาคอีสานในไตรมาสแรกที่ผ่านมาถือว่าขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยภาคเกษตรกรรมลดลงจากปีก่อนและไตรมาสก่อนตามการลดลงของราคามันสำปะหลังและราคายางพารา เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แต่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับลดลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความต้องการลดลง
นายธเนศชัยระบุว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกนั้นดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.9 ตามการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลทรายดิบ เนื่องจากมีผลผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงานมากขึ้น ขณะที่การผลิตอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการ
ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) ได้กลับเข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับภาวะปกติหลังจากอุทกภัยในภาคกลางคลี่คลายลง
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 6 ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 7.1 จากการที่ผู้ประกอบการรอดูผลกระทบจากต้นทุนที่มีการปรับเพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ เช่น ค่าจ้างแรงงาน พลังงาน และวัตถุดิบ เป็นต้น สำหรับการใช้ไฟฟ้าของภาคการค้า และอุตสาหกรรมชะลอลง
ในขณะที่ยอดการขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีในประเภทอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า และอุตสาหรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
นายธเนศชัย อังวราวงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สภอ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภาคอีสานในไตรมาส 2 นี้ คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าไตรมาสแรกเนื่องจากรายได้ของประชาชนจะเพิ่มขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะมีเพิ่มขึ้น นโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน การขยายตัวการปล่อยสินเชื่อของภาคสถาบันการเงินที่ขยายตัวดีในหมวดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการบริโภค ทำให้การจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคสะพัดในตลาดเพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ภาคการก่อสร้างก็จะขยายตัวดีตาม สะท้อนจากพื้นที่ก่อสร้างที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง การทยอยลงทุนโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ที่ได้รับการอนุมัติมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือต้นทุนการผลิตที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มต่อเนื่อง ค่าไฟฟ้า รวมทั้งราคาวัตถุดิบ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย ปัจจัยด้านลบเหล่านี้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้บริโภคต้องปรับตัวรองรับสถานการณ์ภาวะค่าครองชีพที่สูงมากขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจภาคอีสานในไตรมาสแรกที่ผ่านมาถือว่าขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยภาคเกษตรกรรมลดลงจากปีก่อนและไตรมาสก่อนตามการลดลงของราคามันสำปะหลังและราคายางพารา เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แต่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับลดลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความต้องการลดลง
นายธเนศชัยระบุว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกนั้นดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.9 ตามการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลทรายดิบ เนื่องจากมีผลผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงานมากขึ้น ขณะที่การผลิตอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการ
ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) ได้กลับเข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับภาวะปกติหลังจากอุทกภัยในภาคกลางคลี่คลายลง
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 6 ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 7.1 จากการที่ผู้ประกอบการรอดูผลกระทบจากต้นทุนที่มีการปรับเพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ เช่น ค่าจ้างแรงงาน พลังงาน และวัตถุดิบ เป็นต้น สำหรับการใช้ไฟฟ้าของภาคการค้า และอุตสาหกรรมชะลอลง
ในขณะที่ยอดการขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีในประเภทอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า และอุตสาหรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
