คลังลงขันอาเซียน+3 ตั้ง Infrastructure Fund วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาค หวังดึงเงินทุนสำรองประเทศสมาชิกลดความผันผวนทางการเงิน พร้อมศึกษาแนวทางจัดตั้งหน่วยงาน AMRO มอนิเตอร์ภาวะเศรษฐกิจอาเซียนป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจลดการพึ่งพา IMF
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมอาเซียน+3 เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานอาเซียน หรือ AIF เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศสมาชิก เพื่อให้มีการเชื่อมต่อกันภายในภูมิภาคอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยกองทุนนี้จะสามารถลดงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศลง
สำหรับกองทุน AIF ในการจัดตั้งขึ้นมา จะมีขนาดกองทุนที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการดึงเงินทุนสำรองของธนาคารกลางประเทศสมาชิกทั้ง 13 ประเทศที่เกินดุลการค้ามาตลอด ให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ หรือลงทุนในประเทศ ซึ่งในขณะนี้ ประเทศไทยได้จ่ายเงินสมทบกองทุนไปแล้ว 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะสามารถปล่อยกู้ให้แก่ประเทศสมาชิกได้ภายในปี 2556
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน+3 ยังได้เห็นชอบให้จัดตั้งหน่วยงานที่ใช้ชื่อว่า ASEAN+3 Macroeconomic Research Office (AMRO) ที่มีการทำงานในการเฝ้าระวังสภาวะเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกในลักษณะเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF โดยเบื้องต้นได้ตั้งวงเงินไว้ที่ 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะขยายวงเงินเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น
ทั้งนี้ AMRO จะติดตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤต และสนับสนุนเงินทุนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นก่อน หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จึงจะขอความช่วยเหลือจาก IMF ในภายหลัง โดยความช่วยเหลือของ AMRO ต่อประเทศสมาชิกนั้น จะมีเงื่อนไข และกรอบความช่วยเหลือที่ค่อนข้างผ่อนปรนกว่าการขอความช่วยเหลือจาก IMF
“AMRO จะช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกทั้ง 13 ประเทศหากเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะมีการเฝ้าระวังเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นการเตรียมตัวที่ดีในขณะที่การรวมกลุ่มของประเทศอื่นๆ ในโลกยังไม่มีการตั้งหน่วยงานในลักษณะนี้ขึ้นมา เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วหน่วยงานนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็ว และไม่ให้สถานการณ์ลุกลามมากกว่าที่ควรจะเป็น” นายกิตติรัตน์กล่าว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมอาเซียน+3 เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานอาเซียน หรือ AIF เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศสมาชิก เพื่อให้มีการเชื่อมต่อกันภายในภูมิภาคอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยกองทุนนี้จะสามารถลดงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศลง
สำหรับกองทุน AIF ในการจัดตั้งขึ้นมา จะมีขนาดกองทุนที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการดึงเงินทุนสำรองของธนาคารกลางประเทศสมาชิกทั้ง 13 ประเทศที่เกินดุลการค้ามาตลอด ให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ หรือลงทุนในประเทศ ซึ่งในขณะนี้ ประเทศไทยได้จ่ายเงินสมทบกองทุนไปแล้ว 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะสามารถปล่อยกู้ให้แก่ประเทศสมาชิกได้ภายในปี 2556
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน+3 ยังได้เห็นชอบให้จัดตั้งหน่วยงานที่ใช้ชื่อว่า ASEAN+3 Macroeconomic Research Office (AMRO) ที่มีการทำงานในการเฝ้าระวังสภาวะเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกในลักษณะเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF โดยเบื้องต้นได้ตั้งวงเงินไว้ที่ 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะขยายวงเงินเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น
ทั้งนี้ AMRO จะติดตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤต และสนับสนุนเงินทุนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นก่อน หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จึงจะขอความช่วยเหลือจาก IMF ในภายหลัง โดยความช่วยเหลือของ AMRO ต่อประเทศสมาชิกนั้น จะมีเงื่อนไข และกรอบความช่วยเหลือที่ค่อนข้างผ่อนปรนกว่าการขอความช่วยเหลือจาก IMF
“AMRO จะช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกทั้ง 13 ประเทศหากเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะมีการเฝ้าระวังเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นการเตรียมตัวที่ดีในขณะที่การรวมกลุ่มของประเทศอื่นๆ ในโลกยังไม่มีการตั้งหน่วยงานในลักษณะนี้ขึ้นมา เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วหน่วยงานนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็ว และไม่ให้สถานการณ์ลุกลามมากกว่าที่ควรจะเป็น” นายกิตติรัตน์กล่าว
