ธปท.จับตาปรับค่าแรง 40% ปัจจัยสำคัญดันเงินเฟ้อพุ่ง กระทบหนัก “เอสเอ็มอี” ย้ำไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ แนะธุรกิจกระจายความเสี่ยง อย่าลงทุนแบบกระจุกตัว
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปี 2555 นี้ ประเมินว่า จะสามารถขยายตัวได้เต็มศักยภาพ ซึ่งอาจทำให้ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลังจะลดลง โดยอาจเน้นทิศทางการลงทุนต่างๆ ของประเทศเพิ่มมากขึ้น
ส่วนนโยบายการดูแลเงินเฟ้อปัจจุบัน ธปท.พยายามที่จะควบคุมเสถียรภาพทางด้านการคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคตของผู้ประกอบการไม่ให้สูงขึ้นมากนัก ภายหลังนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท โดยปัจจัยดังกล่าว ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม และอาจทำให้เงินเฟ้อจริงสูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ รวมทั้งอาจกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้วย
สำหรับแนวทางการดูแลภาวะเงินเฟ้อ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า ต้องจับตามองการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำร้อยละ 40 หรือวันละ 300 บาท ซึ่งกระทบต้นทุนเพิ่มร้อยละ 5-7 ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2-0.3 แต่เชื่อว่าควบคุมได้
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า ค่าเงินบาทในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่เป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการส่งออก ย้ำไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ พร้อมแนะธุรกิจไทยกระจายความเสี่ยง อย่าลงทุนที่ใดที่หนึ่งแบบกระจุกตัว เพราะหากเกิดวิกฤตจะได้รับผลกระทบรุนแรง