ประธาน กก.บริหาร "แบงก์กรุงเทพ" ยอมรับ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นปัจจัยลบต่อ ศก.ไทย ชี้ อาเซียนกำลังเป็นตลาดสำคัญในการส่งออก พร้อมระบุ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อาจมีผลต่อการแข่งขันด้านการลงทุน
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวถึงกรณีที่น้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่าแรงที่สูงขึ้นภายในประเทศ จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
นายโฆสิต ยังได้กล่าวปาฐกถาพิเศษภาพรวมเศรษฐกิจไทยบริบทอาเซียน โดยมองว่า ปัจจุบันตลาดในอาเซียนถือว่ามีบทบาทสำคัญในการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากตังเลขการส่งออกของประเทศไทยไปอาเซียน มีสัดส่วนสูงกว่าที่ส่งออกไปยังยุโรป และสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากแข่งขันกับประเทศในอาเซียนได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้มีผลดีต่อ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ของประเทศ ซึ่งหากจีดีพีในประเทศ มีพื้นฐานขยายตัวได้ร้อยละ 4 จะสามารถผลักดันให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เนื่องจากตลาดการค้าและการลงทุนจะเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจถึงการแข่งขันหลังเปิดเสรีของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และประชาชน รวมไปถึงค่าแรงที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นผลต่อการแข่งขันด้านการลงทุน
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อความเข้มแข็งที่ยั่งยืน โดยประเมินว่าในขณะนี้ ธปท. มีการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีการค้าการลงทุน ภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558
นอกจากนี้ ธปท. จะมีแผนการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยจะขยายวงเงินให้นักลงทุนบุคคลธรรมดานำไปลงทุนผ่านหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ให้เพิ่มมากขึ้นภายในปีนี้ เพื่อเป็นการรองรับเออีซี ที่จะเกิดขึ้น