xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ยาหอมเอกชนฟื้นตัวแกร่ง การเมืองถ่วง-จี้ SME เร่งปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติประเมิน “การเมืองไทย” จุดอ่อนเศรษฐกิจไทย ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ขณะที่ภาคเอกชนฟื้นตัวเร็ว ฝ่าด่านน้ำท่วมได้ดีเป็นจุดแข็งสำคัญ พร้อมแนะเร่งสร้างการลงทุนเพิ่ม ปรับประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น ส่วนการปรับขึ้นค่าจ้างอาจกระทบธุรกิจเอสเอ็มอีอ่วม ด้านผู้ว่าฯ ธปท.ชี้เงินบาทขณะนี้เคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยว่า ภาคเอกชนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ แต่มองว่าจุดอ่อนของเศรษฐกิจไทยยังมีหลายด้าน โดยประเด็นสำคัญห่วงเรื่องการเมืองอาจส่งผลให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่น และส่งผลความต่อเนื่องของนโยบายได้

นอกจากนี้ จุดอ่อนของไทยต้องปรับปรุงเพิ่มเติม คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ผลิตสินค้า และบริการมีกำไรมากขึ้น และเป็นแบบยั่งยืน จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ภาคอุตสาหกรรมเป็นการรับจ้างทำของ หรือต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิต รวมไปถึงการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันไทยมีการลงทุนค่อนข้างต่ำ 21% ซึ่งการลงทุนของรัฐบาลแค่ 5% และภาคเอกชน 16%

ห่วงธุรกิจเอสเอ็มอีปรับตัวยาก
สำหรับกรณีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 40% จะส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยของระบบเพิ่มขึ้น 17% และกระทบต่อต้นทุนการผลิต 5-6% จึงคาดว่าจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อในปีนี้ไม่มากนัก 0.2-0.3% แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแบบก้าวกระโดดนี้อาจจะมีผลต่อเงินเฟ้อให้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะได้รับผลกระทบ ทำให้แรงงานในกลุ่มนี้อาจถูกเลิกจ้าง และย้ายสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่

“เมื่อไตรมาส 3 ปีนี้ กำลังการผลิตขยายตัวได้เต็มที่ ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังน้อยลงและควรหันมาเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งควรลดวงเงินในงบประมาณฯ ที่มีไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ออกมา”

เร่งสร้างเครื่องมือหลากหลายดูแลบาท
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า ขณะนี้การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทค่อนข้างเหมาะสม เพราะเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม แม้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 40 ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาตลอดเช่นกัน แต่เงินบาทเมื่อเทียบเคียงกับสกุลเงินประเทศคู่ค้าและคู่แข่งไม่ได้เสียเปรียบจนเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันของไทย เพราะเงินบาทไทยเคลื่อนไหวอยู่ระดับกลางๆ และเกาะกลุ่มภูมิภาค รวมถึงส่วนหนึ่งไทยมีการค้าขายในหลากหลายประเทศมากขึ้น ไม่เฉพาะสหรัฐฯและยุโรปเท่านั้น

“ธปท.เข้าไปแทรกแซงตลาดอยู่บ้างเมื่อเกิดเหตุจำเป็น แต่เราก็พยายามจะสร้างเครื่องมือที่หลากหลาย ซึ่งจะไม่เป็นภาระกับเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งในการดูแลระบบอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ธปท.มีแนวคิดจะผสมผสานเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และสิ่งสำคัญเห็นว่า ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นจะเป็นส่วนที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นเช่นนี้ ขณะที่การใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่เหมือนกับเป้านิ่ง เพราะไม่รู้ว่าเงินทุนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ เมื่อมีเงินทุนไหลเข้าก็ต้องมีเงินทุนไหลออก เพื่อสร้างความสมดุล” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น