คลังลุยเก็บภาษีคนรวยเต็มที่อุดช่องโหว่การจัดเก็บ สั่งสรรพากรยกเลิกรูปแบบคณะบุคคล ให้นำรายได้มารวมคำนวณเป็นรายได้ปกติของสมาชิก พร้อมเล็งหามาตรการหนุนคนต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศ หวังให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเตรียมออกมาตรการดึงดูดต่อไป
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สั่งการให้กรมสรรพากรยกเลิกการจัดเก็บภาษีในรูปแบบของคณะบุคคล โดยให้เวลากรมสรรพากรไปดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบและกฎกระทรวงการคลังเพื่อบังคับใช้ได้ต่อไป เพื่อแก้ปัญหาการเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้หลายทาง หรือมีรายได้มาก
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะให้กรมสรรพากรนำรายได้ของคณะบุคคลที่เกิดจากการทำธุรกิจ มารวมคำนวณเป็นรายได้ปกติของสมาชิกในคณะบุคคลนั้นๆ เพื่อให้การเสียภาษีเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้า
โดยในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพากรนั้น ให้ยึดหลักการกระจายรายได้ หรือความมั่งคั่ง ซึ่งกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรกำลังหารือรายละเอียดกันอยู่ โดยในส่วนของภาษีบุคคลธรรมดานั้นจะให้ยึดหลักการว่าผู้มีรายได้สูงต้องจ่ายภาษีสูงตามไปด้วย ส่วนผู้มีรายได้น้อยก็จ่ายภาษีน้อย ทั้งนี้ไม่ได้เร่งรัดให้กรมสรรพากรต้องเร่งดำเนินการแต่อย่างใด เพราะการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งได้ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งไม่รับปากว่าจะได้เห็นภายในปีนี้หรือไม่
“สำหรับภาษีนิติบุคลที่รัฐบาลปรับลดให้นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เกิดความลักลั่นกับการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้าแต่อย่างใด แต่การลดภาษีนิติบุคคล ก็เพื่อให้แข่งขันกับภาษีนิติบุคคลของประเทศคู่แข่งและประเทศคู่ค้าได้ แต่อัตราภาษีจะเป็นเท่าใดนั้น ยังระบุไม่ได้ โดยต้องตอบโจทย์ให้ได้ ไม่ใช่ปะตรงโน้นที ปะตรงนี้ที”
นอกจากนี้ มีแนวคิดที่ต้องการให้คนต่างชาติที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในไทย เพื่อนำเทคโนโลยี ความสามารถมากระจายให้คนไทย ซึ่งคนเหล่านี้มีการศึกษา มีความรู้ มีกำลังซื้อ โดยจะต้องเกี่ยวพันกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ROH ด้วย ดังนั้นจึงต้องทำการบ้านให้ชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ก่อน
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดตั้งคณะบุคคลแต่เดิมนั้นสามารถนำรายได้ของผู้ที่ร่วมจดทะเบียนจัดตั้งมาแยกยื่นเสียภาษีกับรายได้ปกติได้ ทำให้ผู้เสียภาษีดังกล่าวเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าที่ลดลง ส่งผลให้มีการจัดตั้งคณะบุคคลกันมากเพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งกรมฯ ตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดตั้งคณะบุคคลมาก เช่น กลุ่มแพทย์ ตั้งคณะบุคคลร่วมกับคนขับรถ ทำธุรกิจซื้อมาขายไป กลุ่มดารา กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง เป็นต้น แต่จากนี้ไปจะแก้ไขกฎหมายให้ผู้ที่ร่วมเป็นคณะบุคคลต่างๆ ต้องนำรายได้มาคำนวณรวมกับรายได้ปกติ เพื่อยื่นชำระภาษีด้วย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สั่งการให้กรมสรรพากรยกเลิกการจัดเก็บภาษีในรูปแบบของคณะบุคคล โดยให้เวลากรมสรรพากรไปดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบและกฎกระทรวงการคลังเพื่อบังคับใช้ได้ต่อไป เพื่อแก้ปัญหาการเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้หลายทาง หรือมีรายได้มาก
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะให้กรมสรรพากรนำรายได้ของคณะบุคคลที่เกิดจากการทำธุรกิจ มารวมคำนวณเป็นรายได้ปกติของสมาชิกในคณะบุคคลนั้นๆ เพื่อให้การเสียภาษีเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้า
โดยในการปรับโครงสร้างภาษีสรรพากรนั้น ให้ยึดหลักการกระจายรายได้ หรือความมั่งคั่ง ซึ่งกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรกำลังหารือรายละเอียดกันอยู่ โดยในส่วนของภาษีบุคคลธรรมดานั้นจะให้ยึดหลักการว่าผู้มีรายได้สูงต้องจ่ายภาษีสูงตามไปด้วย ส่วนผู้มีรายได้น้อยก็จ่ายภาษีน้อย ทั้งนี้ไม่ได้เร่งรัดให้กรมสรรพากรต้องเร่งดำเนินการแต่อย่างใด เพราะการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งได้ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งไม่รับปากว่าจะได้เห็นภายในปีนี้หรือไม่
“สำหรับภาษีนิติบุคลที่รัฐบาลปรับลดให้นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เกิดความลักลั่นกับการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้าแต่อย่างใด แต่การลดภาษีนิติบุคคล ก็เพื่อให้แข่งขันกับภาษีนิติบุคคลของประเทศคู่แข่งและประเทศคู่ค้าได้ แต่อัตราภาษีจะเป็นเท่าใดนั้น ยังระบุไม่ได้ โดยต้องตอบโจทย์ให้ได้ ไม่ใช่ปะตรงโน้นที ปะตรงนี้ที”
นอกจากนี้ มีแนวคิดที่ต้องการให้คนต่างชาติที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในไทย เพื่อนำเทคโนโลยี ความสามารถมากระจายให้คนไทย ซึ่งคนเหล่านี้มีการศึกษา มีความรู้ มีกำลังซื้อ โดยจะต้องเกี่ยวพันกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ROH ด้วย ดังนั้นจึงต้องทำการบ้านให้ชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ก่อน
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดตั้งคณะบุคคลแต่เดิมนั้นสามารถนำรายได้ของผู้ที่ร่วมจดทะเบียนจัดตั้งมาแยกยื่นเสียภาษีกับรายได้ปกติได้ ทำให้ผู้เสียภาษีดังกล่าวเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าที่ลดลง ส่งผลให้มีการจัดตั้งคณะบุคคลกันมากเพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งกรมฯ ตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดตั้งคณะบุคคลมาก เช่น กลุ่มแพทย์ ตั้งคณะบุคคลร่วมกับคนขับรถ ทำธุรกิจซื้อมาขายไป กลุ่มดารา กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง เป็นต้น แต่จากนี้ไปจะแก้ไขกฎหมายให้ผู้ที่ร่วมเป็นคณะบุคคลต่างๆ ต้องนำรายได้มาคำนวณรวมกับรายได้ปกติ เพื่อยื่นชำระภาษีด้วย