บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ว่า “เก็งกำไรแบบเน้นทยอยขาย” ตามแนวโน้มตลาดวันนี้ “อยู่ข้างอ่อนตัวต่อ”
ทั้งนี้ บรรยากาศลงทุนรวมยังถูกกดดันจากความผิดหวังเรื่องอาจไม่มีมาตรการ QE3 รวมถึงผลการประมูลพันธบัตรที่อ่อนแอของสเปน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 5.7% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ประธานอีซีบีแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงช่วงขาลงในแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ยิ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวแข็งค่าต่อเนื่อง โดยบาทเช้านี้ (7.50 น.) อ่อนลงแตะระดับ 31.01 บาท/ดอลลาร์ กอปรกับวันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนช่วงวันหยุดยาว จึงน่าระวังแรงขายลดความเสี่ยงช่วงวันหยุดที่จะมีมากขึ้น ขณะที่ต่างชาติเริ่มสะสมหุ้นน้อยลง โดยรวมมอง SETI ยังแกว่งตัวพักฐานต่อ โดยมองแนวรับแถว 1,194-1,187
แนวต้าน : 1,206-1,214 แนวรับ : 1,194-1,187
วิเคราะห์รายวัน
ETRON : ลงทุนปกติ ยอดขายชิปตลาดโลกกุมภาพันธ์ลดลง 1.3% m-m
ยอดขายชิปตลาดโลกเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 22.9 พันล้านเหรียญ ลดลง 1.3% m-m เห็นการฟื้นตัวของยอดขายในอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แนะนำ “ลงทุนปกติ” ในกลุ่มดังกล่าว แนะนำ “ถือ” HANA ราคาพื้นฐาน 21.50 และ “ซื้อเก็งกำไร” SMT ราคาพื้นฐาน 9.50
Market News
THCOM : คาดว่าจะสรุปเรื่องขายหุ้น MFONE ได้เร็วๆ นี้ (ที่มา: Company Visit)
เนื่องจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือในกัมพูชามีการแข่งขันรุนแรง มีผู้ประกอบการกว่า 10 ราย ส่งผลให้เกิดสงครามราคาเพื่อแย่งลูกค้า MFONE ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีผลขาดทุนประมาณ 130 ล้านบาทต่อไตรมาส ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะขายบริษัทออกไป หรือลดสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งก็จะทำให้บริษัทไม่ต้องแบกภาระขาดทุนของ MFONE อีกต่อไป โดยในกลางปีหน้าจะยิงดาวเทียมไทยคม 6 (มูลค่าการลงทุน US$160ล้าน) ปัจจุบันมีลูกค้าจอง 2 Transponders จากทั้งหมด 26 Transponders ซึ่งหากมีลูกค้าจองได้ 8 Transponders ก็จะถึงจุดคุ้มทุนได้
คาด 1Q55 มีกำไรจาก core business ประมาณ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%q-q จาก 4Q54 ที่กำไรจาก core business ที่ 84.87 ล้านบาท เพราะมีลูกค้าญี่ปุ่นรายใหม่ที่เพิ่มมา 4Q54 (และเซ็นสัญญาใหม่อีก 1 รายใน 1Q55) และคาดทั้งปีมีกำไรสุทธิ 670.93 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าจีนรายใหม่ยังไม่มีข้อสรุป ในการขยายลูกค้าให้ได้ในวงกว้างอาจจะต้องมีการลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งจะทำให้จุดคุ้มทุนของ Ipstar ปรับไปอยู่ที่ 30% จากเดิม 25%
ปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15.60 บาทต่อหุ้น เพราะปรับรายได้ในปี 2556 ที่รวมไทยคม 6 ซึ่งจะยิงขึ้นสู่อวกาศในช่วง 2Q56 และปรับเพิ่มอัตราการเติบโต (growth rate) จึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ทยอยซื้อ” และหากบริษัทสามารถจำหน่าย MFONE หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นได้ ก็จะทำให้ไม่มีผลขาดทุนเข้ามากระทบ bottom line ซึ่งก็จะเพิ่มมูลค่าหุ้นได้อีก
ทั้งนี้ บรรยากาศลงทุนรวมยังถูกกดดันจากความผิดหวังเรื่องอาจไม่มีมาตรการ QE3 รวมถึงผลการประมูลพันธบัตรที่อ่อนแอของสเปน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 5.7% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ประธานอีซีบีแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงช่วงขาลงในแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ยิ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวแข็งค่าต่อเนื่อง โดยบาทเช้านี้ (7.50 น.) อ่อนลงแตะระดับ 31.01 บาท/ดอลลาร์ กอปรกับวันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนช่วงวันหยุดยาว จึงน่าระวังแรงขายลดความเสี่ยงช่วงวันหยุดที่จะมีมากขึ้น ขณะที่ต่างชาติเริ่มสะสมหุ้นน้อยลง โดยรวมมอง SETI ยังแกว่งตัวพักฐานต่อ โดยมองแนวรับแถว 1,194-1,187
แนวต้าน : 1,206-1,214 แนวรับ : 1,194-1,187
วิเคราะห์รายวัน
ETRON : ลงทุนปกติ ยอดขายชิปตลาดโลกกุมภาพันธ์ลดลง 1.3% m-m
ยอดขายชิปตลาดโลกเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 22.9 พันล้านเหรียญ ลดลง 1.3% m-m เห็นการฟื้นตัวของยอดขายในอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แนะนำ “ลงทุนปกติ” ในกลุ่มดังกล่าว แนะนำ “ถือ” HANA ราคาพื้นฐาน 21.50 และ “ซื้อเก็งกำไร” SMT ราคาพื้นฐาน 9.50
Market News
THCOM : คาดว่าจะสรุปเรื่องขายหุ้น MFONE ได้เร็วๆ นี้ (ที่มา: Company Visit)
เนื่องจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือในกัมพูชามีการแข่งขันรุนแรง มีผู้ประกอบการกว่า 10 ราย ส่งผลให้เกิดสงครามราคาเพื่อแย่งลูกค้า MFONE ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีผลขาดทุนประมาณ 130 ล้านบาทต่อไตรมาส ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะขายบริษัทออกไป หรือลดสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งก็จะทำให้บริษัทไม่ต้องแบกภาระขาดทุนของ MFONE อีกต่อไป โดยในกลางปีหน้าจะยิงดาวเทียมไทยคม 6 (มูลค่าการลงทุน US$160ล้าน) ปัจจุบันมีลูกค้าจอง 2 Transponders จากทั้งหมด 26 Transponders ซึ่งหากมีลูกค้าจองได้ 8 Transponders ก็จะถึงจุดคุ้มทุนได้
คาด 1Q55 มีกำไรจาก core business ประมาณ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%q-q จาก 4Q54 ที่กำไรจาก core business ที่ 84.87 ล้านบาท เพราะมีลูกค้าญี่ปุ่นรายใหม่ที่เพิ่มมา 4Q54 (และเซ็นสัญญาใหม่อีก 1 รายใน 1Q55) และคาดทั้งปีมีกำไรสุทธิ 670.93 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าจีนรายใหม่ยังไม่มีข้อสรุป ในการขยายลูกค้าให้ได้ในวงกว้างอาจจะต้องมีการลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งจะทำให้จุดคุ้มทุนของ Ipstar ปรับไปอยู่ที่ 30% จากเดิม 25%
ปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15.60 บาทต่อหุ้น เพราะปรับรายได้ในปี 2556 ที่รวมไทยคม 6 ซึ่งจะยิงขึ้นสู่อวกาศในช่วง 2Q56 และปรับเพิ่มอัตราการเติบโต (growth rate) จึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ทยอยซื้อ” และหากบริษัทสามารถจำหน่าย MFONE หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นได้ ก็จะทำให้ไม่มีผลขาดทุนเข้ามากระทบ bottom line ซึ่งก็จะเพิ่มมูลค่าหุ้นได้อีก